“มิลเลนเนียล ช้อยส์” สยายปีกธุรกิจคอนเทนต์บันเทิงครบลูปสวนกระแส เปิดตัว “Mint” สื่อแฟชั่นแนวใหม่ ชูกลยุทธ์ Fanbase เจาะขุมพลังมิลเลนเนียล
นายกฤษฏิ์ จิระเกียรติวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ของก้อง 24 จำกัด ผู้ก่อตั้ง Millennials Choice หรือ ก้อง ไฮฟ์ ช่างตัดผมแนวหน้าของเมืองไทย กล่าวถึงที่มาของการขยายธุรกิจในครั้งนี้ว่า งานหลักยังคงเป็นช่างตัดผม ซึ่งปัจจุบันไฮฟ์ ซาลอนมี 3 สาขา (ได้แก่ เซ็นทรัลเอ็มบาสซี เซ็นทรัลเวิลด์ และโครงการเวลา สินธร) และในปีหน้ามีแผนว่าจะเปิดเพิ่มอีก 1 สาขา ขณะที่มิลเลนเนียล ช้อยส์ ซึ่งหลายคนอาจคุ้นหู เพราะเป็นชื่อแฟชั่นอีเว้นต์ประจำปีที่รวมพลทีนไอดอลและนักแสดงชั้นนำของไทยมาร่วมเดินพรมแดงเป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อดำเนินธุรกิจด้านคอนเทนต์บันเทิง ให้บริการครบวงจรทั้งออร์แกไนเซอร์ อีเว้นต์ โปรดักชั่น และบริการจัดหาอินฟลูเอ็นเซอร์/KOL สายแฟชั่นและไลฟ์สไตล์
“แพชชั่นในการเป็นช่างทำผมของผมไม่เคยเปลี่ยน เพียงแต่อาชีพนี้ทำให้ผมค้นพบตัวเองมากขึ้น เลยมีไอเดียใหม่ๆ มาต่อยอดธุรกิจหรือคอนเนคชั่นที่ผมมี ผมไม่ได้มองว่าเราเป็นเอเจนซี่ แต่เราเป็นมากกว่านั้น เราคือ One-Stop Service ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าในการนำเสนอคอนเทนต์ผ่านช่องทางและรูปแบบต่างๆ ที่เข้าถึงกลุ่มมิลเลนเนียล ซึ่งเป็นกลุ่มที่ผมถนัด มีคอนเนคชั่น และมองว่าจะเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลมากในอนาคต โดยจุดเด่นของเจนนี้ คือ มีแพชชั่น และพร้อมที่จะจ่ายหรือทุ่มเทเพื่อสิ่งที่ชอบ ผมเลยตัดสินใจเปิดนิตยสารแฟชั่นแนวใหม่ ชื่อว่า Mint เพื่อเจาะกลุ่มผู้อ่านเจนมิลเลนเนียลโดยเฉพาะเป็นครั้งแรกของไทย”
อย่างไรก็ตาม แม้หลายคนจะมองว่าเสี่ยงที่กระโจนมาทำธุรกิจสื่อในช่วงนี้ แต่เรามั่นใจว่ามา ถูกทางด้วยคอนเซ็ปต์ที่ไม่เหมือนใคร มีโมเดลธุรกิจที่ชัดเจน และยังได้ ป้อม - สรญา วัฒนเจียมวงษ์ อดีตบรรณาธิการนิตยสารหัวนอกชื่อดัง มาเสริมทัพช่วยดูแลในภาพรวม
“ในช่วงที่ร้านต้องปิดเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เกิดโอกาส มีเวลามาลุยโปรเจกต์ Mint Magazine ซึ่งตอนแรกวางแผนว่าจะเปิดตัวปลายปี แต่พอเจอโควิด-19 เลยเป็นตัวเร่งให้ทำงานไวขึ้น สามารถเปิดตัวได้ตั้งแต่กลางปี ผมมั่นใจกับธุรกิจนี้ ไม่ได้มองว่าเสี่ยง เพราะด้วยคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจนคิดมาแล้วว่าจะบริหารพื้นที่ทั้งในเล่ม และแพลตฟอร์มต่างๆ อย่างไรให้ตอบโจทย์ลูกค้าแบรนด์ กลยุทธ์ของเราไม่ได้หวังเม็ดเงินจากการซื้อพื้นที่โฆษณา แต่มองไปถึงการต่อยอดในการทำคอนเทนต์ร่วมกับแบรนด์ในรูปแบบต่างๆ โดยมีเหล่าอินฟลูเอ็นเซอร์ที่เรามีคอนเนกชั่นมาเป็นสื่อกลางในการสื่อสารในรูปแบบที่แปลกใหม่ ตอบโจทย์ว่ากลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นเจนมิลเลนเนียม พวกเขาเหล่านั้นต้องการอะไร”
ด้านสรญา วัฒนเจียมวงษ์ Publisher Co-Founder นิตยสาร Mint กล่าวเสริมว่า จุดแข็งของ Mint Magazine คือเราเป็นนิตยสารแฟชั่นไทยหัวแรกที่จับกลุ่มมิลเลนเนียล ชูกลยุทธ์ “Fanbase Economy” หรือ ใช้อินฟลูเอ็นเซอร์หรือ KOL ที่มีฐานแฟนเป็นสื่อกลางในการพูดแทนแบรนด์ต่างๆ ด้วยคอนเทนต์ที่หลากหลายแต่โดนใจผู้อ่าน
“เราวางแผนที่จะออกนิตยสารเหมือนคอลเลกชั่นแฟชั่น คือปีละ 4 ฉบับ แต่หากในอนาคตมีเสียงเรียกร้องมากขึ้น เราอาจจะออกถี่ขึ้น โดยศิลปินที่ขึ้นปกจะเน้นที่มีฐานแฟน เช่น ปกแรก เป็น 4 หนุ่ม F4 เวอร์ชั่นไทย ซึ่งขึ้นปกของเราเป็นที่แรกหลังจากเปิดตัว ส่วนปกที่ 2 เป็นการกลับมารวมตัวสุดเอ็กซ์คลูฟซีฟของ 9 หนุ่ม 9x9 (ไนน์บายนาย) ซึ่งยากมาก เพราะตอนนี้แต่ละคนก็แยกย้ายไปมีสังกัดใหม่ๆ แต่เราก็จัดให้เพื่อตอบโจทย์แฟนๆ ที่คิดถึงและอยากเห็นการรวมตัวของศิลปินที่ชื่นชอบอีกครั้ง ซึ่งนอกจากแฟนๆ จะได้อิ่มเอมกับคอนเทนต์ที่เราเสิร์ฟครบทุกแพลตฟอร์ม
และยังมีสื่อออฟไลน์ ซึ่งทำหน้าที่เหมือนโฟโต้บุ๊ค ควรค่าแก่การเก็บสะสมให้กลุ่มผู้อ่าน โดยกิมมิคของเรา คือศิลปินบนปกจะมาแจกนิตยสารให้กับผู้อ่านถึงมือทั้งนี้สองผู้บริหารคนเก่งเชื่อว่า Mint Magazine จะมาช่วยเติมเต็มอีโคซิสเต็มของมิลเลนเนียล ช้อยส์ ในทุกมิติ สมกับเป็นวันสต็อปเซอร์วิสด้านคอนเทนต์บันเทิงของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง