การค้า การลงทุนไทย-เมียนมาเคราะห์ซ้ำกรรมซัดการเมือง-โควิดทุบ

ไทยลงทุนเมียนมาอันดับ3แรงงานจ้างไม่แพง-มีGSP

หนึ่งในประเทศที่ค้าขายกับไทยมานานในอาเซียน และมีชายแดนติดกับไทย คือเมียนมา พักหลังๆ มานี้เนื้อหอมไม่น้อยต่างชาติต่างตบเท้าเข้ามาลงทุนมากมาย หนึ่งในนั้นคือไทยที่เข้าไปลงทุน ปัจจุบันเมียนมามีประชากร 60 ล้านคน และเมื่อปี 2563 การเติบโตทางเศรษฐกิจขยายตัว 6.8% จุดแข็งอีกอย่างคือเรื่องสิทธิประโยชน์ในการลดภาษีศุลกากรหรือ GSP เพื่อผลิตและส่งออกไปยังประเทศที่ 3 ได้ง่าย โดยเฉพาะการส่งออกไปสหภาพยุโรป และอเมริกาจะทำได้ง่ายกว่า

นอกจากนี้อัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเพียง 90 บาทต่อคนต่อวัน และมีจำนวนแรงงานฝีมือที่พัฒนาขึ้นด้วยจึงทำให้เป็นจุดแข็งชวนให้น่าลงทุนยิ่งนัก แต่ก็มีจุดอ่อนในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่ดีพอที่จะรองรับการค้า การลงทุนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันพบว่าไทยเป็นนักลงทุนอันดับ 3 ที่เข้าไปในเมียนมา รองจากสิงคโปร์ และจีน มีทั้งบริษัทขนาดใหญ่ที่เข้าไปลงทุน และมีบริษัทขนาดเล็กเข้าไปลงทุนบ้างประปราย ซึ่งธุรกิจที่ไทยไปลงทุน คือ ค้าปลีกค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรมอาหาร ค้าชายแดน พลังงาน ก๊าซธรรมชาติอุตสาหกรรมสิ่งทอ หรือสามารถดูได้จากกราฟฟิกด้านล่างนี้

เอกชนไทยหวั่นกระทบลงทุนหลังอองซานถูกยึดอำนาจ

ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวที่น่าสนใจ การค้า การลงทุน ระหว่างไทยกับเมียนมา แต่ตอนนี้ และอนาคตอันใกล้นี้ไม่รู้จะสดใสเหมือนเดิมไหมเพราะทั้งโควิด -19 ที่ทำให้ทั้ง 2 ประเทศการค้าการลงทุนชะลอตัวไป ที่ล่าสุดการเมืองในเมียนมายังกลับมาร้อนแรงอีกครั้งหลังมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเมียนมา และมีกระแสข่าวว่าทหารเมียนมาได้เข้าควบคุมตัวผู้นำระดับสูงในรัฐบาลนำโดยนางอองซาน ซูจี และคณะด้วย แน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมกระทบต่อการค้าการลงทุนแน่นอน

นายกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์ ประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคธุรกิจต่าง ๆ ทั้งไทย และต่างชาติที่เข้าไปลงทุนมนเมียนมาต่างจับตามองในเรื่องการเมืองในเมียนมาแบบสุด ๆ เพราะมีความเป็นห่วงว่าจะกระทบต่อการค้าการลงทุนทั้งในระยะสั้น และระยะยาว เพราะแต่ละรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศนโยบายการค้าการลงทุนก็จะเปลี่ยนไป ความเชื่อมั่นนักลงทุนก็จะมีผลคล้อยตามเช่นกัน

ด้านนายชัยวัฒน์ วิทิตธรรมวงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก กล่าวว่า  สถานการณ์การค้าชายแดนไทย-เมียนมา ฝั่งแม่สอดขณะนี้ยังอยู่ภาวะปกติ แต่ต้องจับตาดูสถานการณ์ต่อไป ในส่วนของการค้าการลงทุนอื่น ๆ ที่มีนักลงทุนชาวไทยจำนวนมากเข้าไปลงทุนต้องดูในระยะยาวว่าจะมีอะไรกระทบเชิงนโยบายที่จะออกมาใหม่ เรื่องนี้ทั่วโลกกำลังจับตาอย่างใกล้ชิด