svasdssvasds

แพทย์จุฬาฯ รวมใจโพสต์เสนอแนวทางรับมือโควิด ถ้าสถานการณ์รุนแรง

แพทย์จุฬาฯ รวมใจโพสต์เสนอแนวทางรับมือโควิด ถ้าสถานการณ์รุนแรง

แพทย์จุฬาฯ รวมใจโพสต์เสนอแนวทางรับมือโควิด ถ้าสถานการณ์รุนแรง ต้องเร่งตรวจคัดกรองให้ได้มากที่สุด “ไม่ใช่สุ่ม” วางแผนในพื้นที่ ตั้งแต่ ระดับบ้าน โรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม ที่ใช้รักษา “อาการหนัก ต้องสอดท่อ”ได้

วันที่ 3 เม.ย. 2564 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาหัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กโดยอ้างอิงชื่อแพทย์อีก 2 ท่าน ศ.นพ. นิธิ มหานนท์ และ นายแพทย์เขตต์ ศรีประทักษ์ โพสต์เกี่ยวกับการรับมือโควิด19 ถ้าสถานการณ์รุนแรง โดยระบุว่า

3/5/64

วางแผนในพื้นที่ ตั้งแต่ ระดับบ้าน รพ และรพ สนาม ที่ใช้รักษา “อาการหนัก ต้องสอดท่อ”ได้

1-ประเมินสถานการณ์พื้นที่ ว่ามีคนติดเชื้อทั้งหมดกี่คน ด้วยการตรวจคัดกรองมากที่สุด “ไม่ใช่สุ่ม”

2-ประมาณสูงสุดว่าคนติดเชื้อ 20% จะมีอาการ ทั้งหมด ถ้าอยู่บ้านโดย“รู้จักวินัยไม่แพร่ให้คนในบ้าน” ให้อยู่ในบ้านและต้อง “รู้สัญญาณเตือนภัย” ว่าขณะนี้ต้องแจ้งสายด่วนต้องเข้าโรงพยาบาล

3- ในขณะที่ คนติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรืออาการน้อย ที่อยู่ที่บ้านไม่ได้เพราะข้อจำกัดให้อยู่ที่ ฮอสปิเทล หรือโรงพยาบาลสนามขั้นที่ หนึ่ง และพร้อมไป รพ จริง โดยด่วนเมื่อพบมีอาการหนักขึ้นอีกระดับ

4- จำนวนคนติดเชื้อทั้งหมดในข้อหนึ่ง ประเมินไว้ว่า 5% ต้องอยู่ที่โรงพยาบาลจริง แบบหนักถึงสอดท่อ

5- ดูจำนวนเตียงในโรงพยาบาลแยกออกเป็น ห้องความดันลบครบสูตร AIIR กึ่งความดันลบ modified AIIR หอผู้ป่วยรวมแยก Cohort isolation ward

6- ต่อจากช้อ 5 คือประเมินเครื่องช่วยหายใจแบบที่สอดท่อปั๊มอากาศเข้าปอดไม่ใช่เพียงเครื่องออกซิเจน high flow O2 หรือที่อัดอากาศ ผ่านจมูก bipap

7- ใน รพ ประเมินบุคลากรจำนวน ผู้เชี่ยวชาญในการดูผู้ป่วยวิกฤติและทีม ทีมประกอบด้วยหมอดมยาพยาบาล หมอโรคไต หมอโรคหัวใจ ติดเชื้อ ผลัด ละ กี่คนต่อ 8 ชม

8- สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดจำนวนห้องและทีมไม่พอ ดังที่วางแผนตั้งแต่ข้อ 4 - 7 แยกโรงพยาบาลสนาม ไม่ติดเครื่องปรับอากาศให้อากาศถ่ายเทสะดวก แยกส่วน อาการน้อย กลาง ใช้ ออกซิเจน และ ที่อัดอากาศทางจมูก bipap ไม่สอดท่อ หนัก แบบสอดท่อ และ ใช้เครื่องช่วยหายใจ portable แบบพกพา เคลื่อนย้ายได้ โดยวิธีทั้งหมดใน รพ สนามจะใช้บุคลากรชุดเดียวกันและสามารถครอบคลุมและประเมินผู้ป่วยอาการระดับต่างๆและสามารถมองไปข้างหน้าได้ว่าต้องเพิ่มโรงพยาบาลสนาม เป็นเท่าใด

9-ไม่ควรคิดทำโรงพยาบาลสนามให้เหมือนโรงพยาบาลเพราะความพร้อมไม่เท่าจีน ที่เสร็จใน 7 วัน หรือโดยทำเต้นท์ความดันลบเพราะแต่ละเต็นท์จะสามารถจุได้แปดถึง 15 คนเท่านั้นและยุ่งยากในการดูแต่ละเต้นท์

(ตามที่สมาคมธุรกิจ ไทย พม่า ออกแบบและ ส่งโรงพยาบาลสนามให้ประเทศพม่าเมื่อเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน 2563 ซึ่งเป็นเรื่องดี แต่รับมือผู้ป่วยจำนวนมากๆไม่ได้)

ทั้งนี้ รพ สนาม เปรียบเสมือนทำจากสวนสาธารณะ และรักษาผู้ป่วยอาการหนักสอดท่อได้โดยไม่ติดปัญหาเรื่องอาคารที่ใช้เครื่องปรับอากาศระบบเดียวกัน ซึ่งอาจมีความเสี่ยงในการแพร่ทางอากาศ จากการปฎิบัติรักษาทางการแพทย์เกิดละอองฝอยติดเชื้อขนาดเล็กมากแพร่ทางอากาศ

เครื่องช่วยหายใจแบบที่ไม่ต้องใช้ระบบออกซิเจนในโรงพยาบาลมีจำหน่าย แต่ต้องเลือกที่ไม่ราคาสูง เช่น ตัวละครึ่งล้าน แบบไอซียูเต็มสูตร ที่หมอทั่วไป จะปรับไม่เป็น ใน รพ สนาม ต้องใช้ที่ถูกใช้ ง่าย ต่อเข้ากับท่อที่สอดเข้าหลอดลมและปอด

related