บสย. เป็นปลื้ม โชว์ผลงานชิ้นโบว์แดงค้ำประกันสินเชื่อปี 2564 พุ่ง สูงสุดเป็นประวัติการณ์สร้างสถิติใหม่ 240,000 ล้านบาท ช่วย SMEs มากกว่า 207,000 ราย หนุนให้ภาคธุรกิจเติบโตก้าวกระโดดทุกมิติ
โดย ‘นางวสุกานต์ วิศาลสวัสดิ์’ รักษาการผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกัน สินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ปี 2564 นับว่าเป็นปี ที่ บสย. ประสบผลสำเร็จอย่างมากในการดำเนินงานด้านการค้ำประกัน สินเชื่อ ช่วยผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงแหล่งทุน ในฐานะหน่วยงาน ของรัฐที่มีบทบาทการ “ค้ำประกันสินเชื่อ” โดยคาดว่าผลดำเนินงาน บสย. ณ สิ้นสุดปี 2564 จะมีการเติบโตในทุกมิติ คาดว่าจะปิดยอดค้ำประกันสินเชื่อมากกว่า 240,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่ สร้างสถิติใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้ง บสย. มา
ทั้งนี้หากย้อนดูผลการดำเนินงานของ บสย. ข้อมูล ณ 13 ธ.ค. 2564 มี ยอดอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ 234,992 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการ SMEs 207,537 ราย และอนุมัติหนังสือค้ำประกันสินเชื่อ (LG) 224,104 ฉบับ โดยมีโครงการที่โดดเด่น 3 โครงการ ได้แก่
1. โครงการค้ำประกันสินเชื่อตาม พ.ร.ก. สินเชื่อฟื้นฟู วงเงินค้ำประกัน สินเชื่อ 124,912 ล้านบาท 2. โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS9 วงเงิน ค้ำประกันสินเชื่อ 78,799 ล้านบาท และ 3. โครงการค้ำประกันสินเชื่อ Micro 4 วงเงิน 19,257 ล้านบาท
โดยสามารถแบ่งเป็นวงเงินค้ำประกันสินเชื่อในโครงการค้ำประกันสิน เชื่อ พ.ร.ก. สินเชื่อฟื้นฟู และโครงการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. ดังนี้
1. โครงการค้ำประกันสินเชื่อ ตาม พ.ร.ก. สินเชื่อฟื้นฟู เฟส 1-2 คิดเป็น สัดส่วน 53.2%
- ยอดอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ 124,912 ล้านบาท อนุมัติ LG 39,380 ฉบับ
- จำนวนลูกค้า 36,776 ราย
- เกิดสินเชื่อจากการค้ำประกัน 127,310 ล้านบาท
- วงเงินค้ำประกันสินเชื่อเฉลี่ยต่อราย 3.17 ล้านบาทต่อฉบับ - เกิดการจ้างงานรวม 1,206,367 ราย
- เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ รวม 515,885 ล้านบาท
- ธุรกิจที่มีการค้ำประกันสินเชื่อสูงสุดภายใต้โครงการ 3 ลำดับ ได้แก่ 1. ธุรกิจบริการ 28% 2. ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 10% 3. ธุรกิจยานยนต์ 9%
2. โครงการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. คิดเป็นสัดส่วน 46.8% ประกอบด้วยโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS9, โครงการค้ำประกันสิน เชื่อ Micro 4 และโครงการอื่นๆ
- ยอดอนุมัติวงเงินค้ำประกันสินเชื่อกว่า 110,080 ล้านบาท อนุมัติ LG 184,724 ฉบับ จำนวนลูกค้า 176,525 ราย
- วงเงินค้ำประกันสินเชื่อเฉลี่ยต่อราย 0.60 ล้านบาทต่อฉบับ - เกิดสินเชื่อจากการค้ำประกัน 122,038 ล้านบาท
- เกิดการจ้างงานรวม 1,320,732 ราย
- เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 454,634 ล้านบาท
- ธุรกิจที่มีการค้ำประกันสินเชื่อสูงสุด ได้แก่ 1. ธุรกิจบริการ 29%
2.ธุรกิจการผลิตสินค้าและการค้าอื่นๆ16% 3.เกษตรกรรม 10%
นางวสุกานต์ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2563 - 2564 ธุรกิจไทยต้องเผชิญกับโค วิด-19 ทำให้ขาดขาดสภาพคล่อง ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ต้องปิด กิจการเป็นจำนวนมาก บสย. ได้เดินหน้าช่วยผู้ประกอบการ SMEs ให้ เข้าถึงสินเชื่อผ่านกลไกการค้ำประกันสินเชื่อ ให้คำปรึกษาในรูปแบบ ต่าง ๆ แบบครบวงจร โดยก่อนหน้านี้เปิด “สินเชื่อฟื้นฟู เฟส 2 เปิด รับคำขอค้ำประกันสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ที่เข้าร่วมโครงการเมื่อ 6 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา เดินหน้าค้ำประกันอีก 1 แสนล้านครอบคลุม ธุรกิจในวงกว้าง ปรับลดค่าธรรมเนียม จ่ายเบา เริ่มต้นเพียง 1% อนุมัติ รวดเร็ว ฉับไว สามารถลดปัญหาการปิดกิจการชะลอการเลิกจ้างได้
โดยมีการกำหนดผู้ประกอบการออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ
1. ผู้ประกอบการกลุ่มไมโคร (Micro) หรือผู้ประกอบการ SMEs ราย ย่อย โดยกลุ่มนี้ถ้าเป็นลูกค้าสถาบันการเงินที่มีวงเงินสินเชื่อเดิมไม่เกิน 5 ล้านบาท จะได้วงเงินไม่เกิน 30% ของสินเชื่อเดิมหรือสูงถึง 1.5 ล้าน บาท ในขณะที่ถ้าไม่มีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินเลยจะได้วงเงินสูง ถึง 1.5 ล้านบาท
2. ผู้ประกอบการ SMEs หากเป็นลูกค้าสถาบันการเงินที่มีวงเงินสินเชื่อ เดิมระหว่าง 5 - 50 ล้านบาท จะได้วงเงินไม่เกิน 30% ของสินเชื่อเดิม หรืออยู่ระหว่าง 1.5 – 15 ล้านบาท ในขณะที่ถ้าไม่มีวงเงินสินเชื่อกับ สถาบันการเงินเลยจะได้วงเงินอยู่ที่ 1.5 – 15 ล้านบาท
3. กลุ่มคอร์ปอเรท (Corporate) ลูกค้าสถาบันการเงินที่มีวงเงินสินเชื่อ เดิมระหว่าง 50 - 500 ล้านบาท จะได้วงเงินไม่เกิน 30% ของสินเชื่อเดิม หรืออยู่ระหว่าง 15 - 150 ล้านบาท ในขณะที่ถ้าไม่มีวงเงินสินเชื่อกับ สถาบันการเงินเลยจะได้วงเงินอยู่ที่ 15 - 50 ล้านบาท
โดยจุดเด่นของ พ.ร.ก. สินเชื่อฟื้นฟู ระยะที่ 2 นั้น ได้มีการปรับเกณฑ์ การค้ำประกันสินเชื่อให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือผู้ ประกอบการกลุ่มไมโคร และกลุ่ม SMEs เปราะบาง เพื่อช่วยลดภาระ ต้นทุนค่าธรรมเนียม และเพิ่มโอกาสได้วงเงินสินเชื่อเพิ่ม โดยมีราย ละเอียด ดังนี้
1. ปรับลดค่าธรรมเนียมค้ำประกันทันทีตั้งแต่ปีแรก สำหรับผู้ประกอบ การกลุ่มไมโคร และ กลุ่ม SMEs เปราะบาง จ่ายเบาๆ เริ่มต้นเพียง 1% ต่อปีต่อเนื่อง 4 ปีแรก รวม 13% ตลอดระยะเวลา 10 ปี
2. เพิ่มโอกาสผู้ประกอบการกลุ่มไมโคร และกลุ่ม SMEs เปราะบาง ได้ รับวงเงินสินเชื่อ เพิ่มขึ้นสูงสุด 50 ล้านบาทต่อราย จากเดิม 15 ล้าน บาทต่อราย
3. เพิ่มความมั่นใจให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อโดย บสย. จ่ายค่าประกัน ชดเชยเต็ม 100% ใน กลุ่มไมโคร จากเดิม 90% และ กลุ่ม SMEs เปราะบาง จากเดิม 80%
สำหรับผู้ประกอบการกลุ่มคอร์ปอเรท (Corporate) ได้เพิ่มการช่วย เหลือ โดยลดภาระต้นทุนในส่วนของการจ่ายค่าธรรมเนียม 1% ต่อปี ต่อเนื่อง 2 ปีแรก รวม 14% ตลอดระยะเวลา 10 ปี โดย บสย. ค้ำ ประกันสูงสุดไม่เกิน 150 ล้านบาท ต่อราย ต่อสถาบันการเงิน และมี ระยะเวลาค้ำประกัน สูงสุดถึง 10 ปี
นอกจากนี้ ขั้นตอนการขอ บสย. ค้ำประกันสินเชื่อฟื้นฟู เฟส 2 นั้น ไม่มี อะไรซับซ้อน ง่ายๆ ใน 8 ขั้นตอน เพียงผู้ประกอบการเตรียมเอกสารให้ พร้อม และดำเนินการตามขั้นตอนให้ถูกต้อง ดังนี้
1. ผู้ขอสินเชื่อติดต่อธนาคารพร้อมยื่นเอกสาร
2. ธนาคารพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ
3. ธนาคารนำส่งเอกสารให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อพิจารณา อนุมัติสินเชื่อ
4. ธนาคารส่งคำขอค้ำประกันสินเชื่อมาที่ บสย.
5. บสย. ตรวจสอบเอกสาร ถูกต้อง ครบถ้วน
6. อนุมัติค้ำประกัน
7. บสย. แจ้งอนุมัติพร้อมส่งเอกสารเพื่อให้ธนาคารนัดหมายผู้ขอ
สินเชื่อ
8. ผู้ประกอบการได้รับสินเชื่อ หากเอกสารและการดำเนินการครบ
ถ้วน จะทราบผลอนุมัติค้ำประกันภายใน 3 วัน
เปิดรับคำขอตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2564 และสิ้นสุดรับคำขอวันที่ 9 ตุลาคม 2566
สำหรับผู้ประกอบการที่มีความประสงค์เข้าร่วมโครงการ สามารถ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอรับคำปรึกษาฟรี ได้ที่ บสย. Call Center และศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs (บสย. F.A. Center) โทร. 02-890-9999 หรือติดต่อที่ สำนักเขต บสย. ทั้ง 11 แห่งทั่ว ประเทศ