svasdssvasds

อนุทิน เซ็นปรับโควิด-19 รักษาฟรีตามสิทธิ์ 1 มี.ค. หากอาการฉุกเฉินใช้ UCEP ได้

อนุทิน เซ็นปรับโควิด-19 รักษาฟรีตามสิทธิ์ 1 มี.ค. หากอาการฉุกเฉินใช้ UCEP ได้

อนุทิน ลงนามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ปรับโควิด-19 ออกจาก UCEP รักษาฟรีตามสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. นี้ แต่หากมีอาการรุนแรงหรือมีโรคร่วมสามารถใช้สิทธิ์ UCEP พลัสได้

 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เผยว่า ได้ลงนามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 ที่เสนอโดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ให้นำโรคโควิด-19 ออกจาก UCEP ภาวะวิกฤตฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2665 โดยกำหนดให้โรคโควิด-19 เป็นโรคที่รักษาได้ตามสิทธิ์ของประชาชนที่มีอยู่

 รมว.สาธารณสุข ได้กำชับให้ สบส.ชี้แจ้งทำความเข้าใจให้กับประชาชนทราบว่า กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ยกเลิกหรือตัดสิทธิ์การรักษา แต่เป็นจัดระเบียบขั้นตอนการรักษาเพื่อให้การใช้งบประมาณได้เกิดประโยชน์สูงสุด และยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อสิทธิ์การรักษา โดยที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงการรักษาโควิด-19 ตามสิทธิ์เป็นเวลา 1 เดือน แต่หากมีอากาศรุนแรงหรือมีโรคร่วมสามารถใช้สิทธิ์ UCEP พลัสได้ ที่สามารถเข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาล

 ขณะเดียวกันได้มีการกำหนดคำจำกัดความว่า UCEP พลัส เช่น หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรงหายใจติดขัดมีเสียงดัง ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น เจ็บหน้าอกเฉียบพลันรุนแรง แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วน หรือชักต่อเนื่องไม่หยุด อาการอื่นที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบสมองที่เป็นอันตรายต่อชีวิต หากพบอาการที่เข้าข่าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• เตือนภัยโควิดระดับ 4 ทั่วประเทศ สธ.ประกาศยกระดับหลังยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูง

• ‘อนุทิน’ ยันโควิดอยู่ในกรอบแม้ยอดพุ่ง วอนผู้ปกครองยอมให้เด็กได้ฉีดวัคซีน

• ยอดโควิดพุ่ง! สธ.ปรับมาตรการรับมือ เร่งเตรียมเตียงว่างรองรับผู้ป่วยหนัก

 เมื่อถามถึงกรณีสถานการณ์การครองเตียง ICU เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมีข่าวว่าจำนวนเตียง ICU ไม่เพียงพอ นายอนุทิน ระบุว่า เรื่องนี้ได้มีการตรวจสอบกับปลัดกระทรวงสาธารณสุขทุกเช้า ได้รับคำยืนยันว่า ระบบสาธารณสุขยังสามารถจัดการได้ และมีเตียงรองรับเพียงพอ แต่ก็ต้องแบ่งกลุ่มผู้ป่วยตามเกณฑ์ เช่น หากไม่มีอาการ อาการน้อยและมีความพร้อมที่จะรักษาตัวในบ้านได้ จะจัดเข้าสู่ระบบ HI กรณีไม่สามารถอยู่บ้านได้ จะเข้าระบบ CI ซึ่ง กทม. ยืนยันกับกระทรวงสาธารณสุขว่าเตรียม CI ไว้พร้อม หากมีอาการรุนแรงขึ้นจะจัดเข้าสู่ระบบ Hospitel ขณะเดียวกันได้ประสานสปสช.เพิ่มคู่สาย 1330 ในการรับลงทะเบียนผู่ป่วยเพื่อรับเข้าสู่ระบบการรักษาขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ยอมรับว่า จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจริงแต่ยังอยู่ในระดับบริหารจัดการได้

 

 เมื่อช่วงเช้าวันนี้ นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ได้ขอให้กระทรวงสาธารณสุข เพิ่มยาฟ้าทะลายโจรในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในระบบ HI และ CI เนื่องจากผู้ติดเชื้อส่วนมากไม่มีอาการ สามารถกินยาฟ้าทะลายโจรเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพราะว่าผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ หากรับยาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการฆ่าไวรัส จะถือว่ารับยาเกินขนาด 

 ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขก็ได้สนับสนุนเพิ่มยาฟ้าทะลายโจรในจำนวนหลัก 10 ล้านเม็ด ซึ่งองค์การเภสัชกรรมก็ผลิตได้ และได้สนับสนุนการผลิตยาฟ้าทะลายโจรที่ผลิตในประเทศ 

 ส่วนกรณีที่จะปรับการเกณฑ์การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ในระบบเทสแอนด์โกจาก 2 ครั้งเหลือ 1 ครั้ง นายอนุทินระบุว่า กำลังเร่งพิจารณาอยู่เนื่องจากมีข้อมูลว่าการแพร่เชื้อไม่ได้มากขึ้น อีกทั้งการตรวจหาเชื้อRT-PCR เป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้เดินทาง ที่จะต้องมีค่าจอดโรงแรม และจะเกี่ยวโยงไปถึงประกันสุขภาพที่สูงขึ้น เป็นภาระที่ผู้เดินทางต้องรับ ทั้งนี้ ตนรับฟังทุกเรื่องและหาทางแก้ไข

related