เหนื่อยจัง! มาเลเซีย 5 เรื่องที่ทำให้นักกีฬาไทยเหนื๊อยเหนื่อย

เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึง 1 สัปดาห์ มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียนอย่าง “ซีเกมส์ 2017” ก็จะเปิดฉากแข่งขันขึ้นบนแผ่นดิน “เสือเหลือง” ประเทศมาเลเซีย ในระหว่างวันที่ 19-30 สิงหาคม

แต่ก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น สิ่งที่แฟนกีฬาทั่วอาเซียนพูดถึงกลับไม่ใช่เรื่องของชาติใดจะเป็นเต็ง 1 ที่จะคว้าเจ้าเหรียญทอง แต่สิ่งที่ทุกคนพูดถึงกับเป็นเรื่องของกลโกง และเล่ห์เหลี่ยมของ “เจ้าภาพ” ที่มีออกมาเกือบรายวันกันเลยทีเดียว ซึ่งวันนี้ทีมข่าวสปริงนิวส์ จะรวบรวม 5 เรื่องที่ทำให้นักกีฬาไทยเหนื๊อยเหนื่อย ในการเดินทางไปแข่งขันครั้งนี้มาให้รับทราบกัน

1.การจับสลากแบ่งสาย

-นี่คือเรื่องที่ มาเลเซีย โดนวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด โดยเฉพาะการจับสลากแบ่งสายกีฬาประเภททีม ที่ มาเลเซีย ใช้อภิสิทธิ์ความเป็นเจ้าภาพ ออกกฎว่า “เจ้าภาพ” ไม่ต้องไปจับสลากร่วมกับชาติอื่น และสามารถเลือกได้เลยว่า จะไปอยู่กลุ่มไหนหลังการจับสลากเสร็จสิ้น ซึ่งถ้าจะทำกันขนาดนี้พูดได้คำเดียวเลยว่า จัดกันเอง แข่งกันเองเถอะครับ

2.การจัดโปรแกรมการแข่งขัน

-เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่โดนวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยไปกว่าการจับสลากแบ่งสาย เมื่อ “เจ้าภาพ” จัดโปรแกรมแบบสุดโหดให้กับนักกีฬาไทย ชนิดที่ต้องบอกว่า โหดยิ่งกว่าช่วง “บ็อกซิ่งเดย์” ของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เสียอีก โดยกีฬาบางชนิดอย่าง โปโลน้ำ ไทยก็เจอโปรแกรมแข่งขันเกือบทุกวัน หรือแม้แต่ฟุตบอลชาย ก็โดนโปรแกรมแบบ “วัน เว้น วัน” แถมยังเตะมากกว่าสาย ที่มี “เจ้าภาพ” อยู่ร่วมกลุ่มอีกด้วย นอกจากนี้กีฬาอื่นๆ ก็เจอโปรแกรมสุดมั่ว ถึงขนาดบางชนิดกีฬาจะแข่งอยู่แล้ว แต่ยังไม่รู้โปรแกรมแข่งขันที่แน่นอนเลย

3.กรรมการ หรือ ผู้ตัดสิน

-แน่นอนว่า เมื่อออกตัวแรงขนาดนี้ทั้งในเรื่องการจับสลาก และโปรแกรมการแข่งขัน กรรมการ หรือผู้ตัดสินในสนาม คงจะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าจะทำให้ทัพนักกีฬาไทยปวดเศียรเวียนเกล้าไม่น้อยอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกีฬาประเภทที่ต้องตัดสินด้วยสายตาอย่าง มวยสากลสมัครเล่น หรือ เทควันโด “เจ้าภาพ” คงจะมีการจัดเต็มในการตัดสิน ส่วนกีฬาประเภททีมอย่าง ฟุตบอล หรือ เซปักตะกร้อ ก็จะไว้วางใจไม่ได้เช่นกัน เพราะอย่าลืมว่า มาเลเซีย ต้องการเหรียญทองในกีฬาเหล่านี้เพื่อเฉลิมฉลองวันชาติของพวกเขาในวันที่ 31 ส.ค. และที่สำคัญช่วงหลังๆ ทีมฟุตบอลชายทีมชาติไทย ไม่ว่าจะเป็น ชุดเล็ก ชุดใหญ่ ก็มักจะโดนกรรมการเล่นงานอยู่เสมออีกด้วย

4. การอำนวยความสะดวก-เรื่องอาหารการกิน

-ถึงแม้จะเหลืออีกหลายวันก่อนจะมีพิธีเปิด แต่ก็มีนักกีฬาไทยหลายประเภทที่เดินทางไปถึงมาเลเซียเพื่อฝึกซ้อมกันแล้ว ซึ่งหลายสมาคมฯ ก็เจอปัญหาในเรื่องพวกนี้ไปที่เรียบร้อย เริ่มตั้งแต่ทีมวินเซิร์ฟที่เจอปัญหาเรื่องเอกสารตั้งแต่เข้าประเทศมาเลเซีย จนต้องติดอยู่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซียอยู่นานสองนาน หรือจะเป็นเรื่องอาหารการกิน ที่นักกีฬาส่วนใหญ่ร้องเรียนว่า อาหารที่ทางโรงแรมอิสทานา ที่พักหลักของนักกีฬาไทยไม่ค่อยอยู่ท้อง อย่างเช่น อาหารเช้าจะมีแค่ซาลาเปา ไม่มีข้าว นักกีฬากินเข้าไปก็ไม่อิ่มส่งผลให้ไม่มีเรี่ยวแรงลงไปฝึกซ้อม อีกทั้งจะซื้อ หรือขนอาหารจากเมืองไทยเข้าไปรับประทานเอง ทางโรงแรมก็ไม่อนุญาติให้เอาเข้าไปในบริเวณโรงแรม

-นี่ยังไม่รวมปัญหาเรื่องไอดีการ์ด ที่จะแข่งขันอยู่แล้วแต่นักกีฬาบางคนก็ยังไม่ได้ และมาเลเซีย ก็ยังสับสนเรื่องข้อมูลนักกีฬาอยู่ถึงขนาดไม่รู้ว่านักกีฬาคนนี้แข่งกีฬาประเภทอะไร อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ก็คือ การจราจรที่ยังไม่ถึงเวลาแข่งขันจริงเลย การจราจรก็เริ่มคับคั่งกันแล้ว นักกีฬาที่สนามฝึกซ้อมอยู่ไกลก็ต้องออกเดินทางไปก่อน 1 หรือ 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว

5.กองเชียร์เสือเหลือง

-อีกหนึ่งสิ่งที่นักกีฬาไทยต้องเตรียมรับมือก็คือ เสียงเชียร์จากเจ้าภาพที่น่าจะเข้ามาให้กำลังใจนักกีฬาของพวกเขาอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะกีฬาความหวังของพวกเขาอย่าง ฟุตบอล หรือ เซปักตะกร้อ ยิ่งเป็นนักกีฬาหน้าใหม่ที่ติดทีมชาติไทยเป็นครั้งแรกด้วยแล้ว ถ้าเจอเสียงเชียร์บีบหัวใจเข้าไปตลอดทั้งเกมบางคนก็ไปไม่เป็นเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้นักกีฬาทุกคนคงต้องเตรียมหัวใจสิงห์ไปด้วยถ้าหากอยากที่จะประสบความสำเร็จ

และนี่ก็คือ 5 เรื่องใหญ่ที่นักกีฬาไทยจะต้องเตรียมใจไปประสบพบเจอในการเดินทางไปแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้ แต่ไม่ว่า “เจ้าภาพ” จะจัดเล่ห์เหลี่ยมมามากมายขนาดไหน นักกีฬาไทยทุกคนก็อย่างยอมแพ้ เพราะถ้าหากเราจะก้าวไปเป็น “พี่เบิ้ม” หรือ “นัมเบอร์วัน” ในอาเซียน ทุกคนก็จะต้องผ่านปัญหาเหล่านี้ไปให้ได้ ซึ่งถ้าเกิดท้อหรือถอย หันมามองแฟนกีฬาชาวไทยที่อยู่เบื้องหลัง เพราะทุกคนพร้อมเป็นกำลังใจ และส่งเสียงเชียร์ให้พวกคุณเสมอ สู้ๆ น่ะจ๊ะนักกีฬาไทย

ขอบคุณภาพจาก : thaiwaterpolo.blogspot.com,กองประชาสัมพันธ์ กกท.