svasdssvasds

กรมวิทย์ฯ เตรียมพร้อมการตรวจหาสารพันธุกรรม วินิจฉัยโรคฝีดาษลิง

กรมวิทย์ฯ เตรียมพร้อมการตรวจหาสารพันธุกรรม วินิจฉัยโรคฝีดาษลิง

จากรายงานข่าวผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) ในแถบประเทศยุโรปและอเมริกา สร้างความกังวลให้ในหลายประเทศ ในส่วนของประเทศไทยเอง ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้เตรียมพร้อมการตรวจหาสารพันธุกรรมด้วยเทคนิค Real-time PCR และ DNA sequencing เพื่อวินิจฉัยโรคฝีดาษลิง

กรมวิทย์ฯ เตรียมพร้อมการตรวจหาสารพันธุกรรม วินิจฉัยโรคฝีดาษลิง

นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษลิง (monkeypox) ในประเทศแถบยุโรปและอเมริกาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในฐานะห้องปฏิบัติการของกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการเตรียมความพร้อม ทั้งการตรวจวินิจฉัยโรคเพื่อเฝ้าระวังโรคติดต่อในคน และการตรวจวิเคราะห์คุณภาพวัคซีนฝีดาษหรือไข้ทรพิษ (smallpox) เพื่อให้การรับรองคุณภาพวัคซีนที่จะนำมาใช้ในการป้องกันโรค

วิธีการตรวจวินิจฉัยโรคฝีดาษลิง

สำหรับการการเตรียมความพร้อมทางห้องปฏิบัติการตรวจวินิจฉัยในคนนั้น สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานตรวจวินิจฉัยโรคเพื่อเฝ้าระวังโรคติดต่อในคน

ได้เตรียมการตรวจหาสารพันธุกรรมด้วยเทคนิค Real-time  PCR ระยะเวลาการตรวจ 24 - 48 ชั่วโมง

และการตรวจลำดับนิวคลิโอไทด์ ด้วยเทคนิค DNA sequencing ระยะเวลาการตรวจ 4 - 7 วัน

เนื้อหาที่น่าสนใจ :

การใช้วัคซีนป้องกันโรคฝีดาษลิง

วัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษ หรือ ฝีดาษคน สามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ถึง 85% แต่เนื่องจากโรคฝีดาษคน ถูกกำจัดไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 จึงเป็นระยะเวลามากกว่า 40 ปีแล้วที่ไม่มีการฉีดวัคซีนชนิดนี้ แต่วัคซีนก็ยังมีการผลิตขึ้นเพื่อป้องกันการใช้เป็นอาวุธชีวภาพ และป้องกันโรคฝีดาษลิง ซึ่งสหรัฐอเมริกามีวัคซีนสำหรับป้องกันโรคฝีดาษคน จำนวน 2 ผลิตภัณฑ์ เป็นวัคซีนเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ (Live attenuated vaccine) ได้แก่ วัคซีน Imvamune (Imvanex หรือ Jynneos) ของบริษัท Bavarian Nordic และวัคซีน ACAM2000 ของบริษัท Acambis ที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจากสหรัฐอเมริกา หรือ FDA แล้ว 

นอกจากนี้ในส่วนของการรับรองคุณภาพวัคซีนในแต่ละรุ่นการผลิตก่อนจำหน่าย สถาบันชีววัตถุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้มีความพร้อมในการตรวจวิเคราะห์คุณภาพวัคซีนฝีดาษหรือไข้ทรพิษ ทั้งด้านความปลอดภัย ด้านเคมี-ฟิสิกส์ และความแรง เพื่อยืนยันว่าวัคซีนที่นำเข้ามีคุณภาพ มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ จึงมั่นใจได้ว่าหากมีการนำเข้าวัคซีนอย่างเร่งด่วน จะสามารถดำเนินการได้อย่างทันท่วงที  

กรมวิทย์ฯ เตรียมพร้อมการตรวจหาสารพันธุกรรม วินิจฉัยโรคฝีดาษลิง

โรคฝีดาษลิง ติดต่อได้อย่างไร รักษาอย่างไร

โรคฝีดาษลิง เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่มเดียวกันกับเชื้อโรคไข้ทรพิษ คือกลุ่ม Orthopoxvirus มีอาการคล้ายกัน มีสัตว์ฟันแทะ เป็นแหล่งรังโรคติดต่อจากสัตว์ไปสู่คน ผ่านการสัมผัสโดยตรงกับเลือด น้ำเหลือง หรือผื่นของสัตว์ที่ติดเชื้อ

ติดต่อจากคนไปสู่คนผ่านการสัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่งจากการไอจาม ผื่น หรือสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ อาการโดยทั่วไป ผู้ติดเชื้อไวรัสนี้ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง บางครั้งอาการคล้ายกับโรคสุกใสและหายเองได้ภายในไม่กี่สัปดาห์

ขณะนี้ยังไม่มีการรักษาเฉพาะ US-CDC ได้แนะนำให้ควบคุมโรคโดยใช้ยารักษาโรคไข้ทรพิษ ได้แก่ Tecovirimat (ST-246), Cidofovir และ Brincidofovir รวมถึงการให้แอนติบอดี้เสริมภูมิต้านทานสำเร็จรูปชื่อ Vaccinia Immune Globulin (VIG) สำหรับรักษาผู้มีอาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีนไข้ทรพิษ หรือผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรุนแรง ซึ่งยาดังกล่าวยังอยู่ในกระบวนการติดตามประเมินประสิทธิภาพ