กรมที่ดินยัน! โอนธรณีสงฆ์ต้องออก พ.ร.บ.

กรมที่ดิน ยืนยันว่าการโอนที่ดินธรณีสงฆ์ จะต้องออกเป็น พ.ร.บ.รวมถึงกรณีที่ดินอัลไพน์

นายประทีป กีรติเรขา อธิบดีกรมที่ดิน ออกมาชี้แจง กรณีนายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ เสนอความเห็นให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยกร่าง พ.ร.บ.โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์วัดธรรมิการามวรวิหาร จ.ประจวบคีรีขันธ์ ให้มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยฯ ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา เพื่อให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เห็นชอบ

นายประทีป ระบุว่า การโอนธรณีสงฆ์ต้องออกเป็น พ.ร.บ. โดยไม่มีทางอื่นที่จะทำให้ที่ดินแปลงนี้พ้นจากสภาพการเป็นที่ธรณีสงฆ์ได้ หากผู้ถือกรรมสิทธิ์ธรณีสงฆ์ต้องการโอนที่ดินให้เอกชน ก็ต้องออก พ.ร.บ.

ดังนั้น สำนักงานพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบย่อม มีหน้าที่แก้ปัญหาให้ยุติโดยชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว

ส่วนกรณีที่ อธิบดีกรมที่ดิน มีคำสั่งที่ 2308/2544 ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2544 เพิกถอนจดทะเบียนและโฉนดที่ดินแปลงแบ่งแยกทั้งหมด ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ซึ่งต่อมามีผู้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งนี้ และปลัดกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น หรือ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เห็นว่าคำอุทธรณ์ฟังขึ้น จึงสั่งเพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน

ในประเด็นนี้ นายประทีป เห็นว่า การวินิจฉัยอุทธรณ์ให้ยกเลิกคำสั่งกรมที่ดิน มีผลเพียงทำให้ขั้นตอนหยุดชะงักลงเท่านั้น แต่ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพทางกฎหมายของที่ดินที่เป็นที่ธรณีสงฆ์ คำสั่งวินิจฉัยอุทธรณ์เป็นคำสั่งทางปกครอง ดังนั้น ผู้มีอำนาจหน้าที่วินิจฉัยอุทธรณ์ก็อาจเพิกถอนคำสั่งที่ขัดต่อกฎหมาย และออกคำสั่งใหม่ได้เสมอ

แหล่งข่าวจากกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า อำนาจการเปลี่ยนแปลงคำสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายที่ดิน เป็นอำนาจของปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นกรณีเดียวกับที่นายยงยุทธ ใช้อำนาจปลัดกระทรวงมหาดไทย จนเป็นที่มาของการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.