svasdssvasds

เทรนด์ความงามปี 2018 "ความงามที่เริ่มต้น ตั้งแต่วัยกระเตาะ” 9 ขวบ ผิว ผม หน้า หอม

เทรนด์ความงามปี 2018 "ความงามที่เริ่มต้น ตั้งแต่วัยกระเตาะ” 9 ขวบ  ผิว ผม หน้า หอม

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

ข้อมูลของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ พบว่าอุตสาหกรรมความงามของไทยมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 10% ต่อปี มูลค่าการตลาดในประเทศ 2.8 แสนล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 60% หรือ 1.68 แสนล้านบาท และตลาดส่งออกที่ทำรายได้ให้ประเทศถึง 40% หรือกว่า 1.12 แสนล้านบาท ส่วนในเวทีโลก ไทยครองอันดับที่ 17 ในฐานะผู้ผลิตและส่งออกเครื่องสำอางรายสำคัญ ทั้งยังรั้งที่ 1 ในระดับอาเซียน

 

ยูบีเอ็ม เผยเทรนด์อุตสาหกรรมความงามไทย โตทวนกระแสเศรษฐกิจ ปิดตลาดปี 59 ที่ 2.6 แสนล้านบาท คาดมูลค่าสิ้นปี 60 พุ่งถึง 2.8 แสนล้าน พบว่าปัจจุบันมีธุรกิจเครื่องสำอางที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศกว่า 1,800 ราย ด้วยมูลค่าทุนจดทะเบียนนิติบุคคลกว่า 11,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นในอนาคตด้วยอัตราเติบโต 40%

 

แบ่งตามพื้นที่ เป็นกรุงเทพมหานคร 53.5%, ภาคกลาง 27.5% และ ภาคเหนือ 6.2% แต่! ในจำนวนนี้ผู้ดำเนินกิจการทั้งหมดเป็น SMEs ถึง 90% ส่วนเทรนด์ความงามปีหน้า (2018) ยังคงตอบรับกับกระแสรักษ์โลก รักสุขภาพของผู้บริโภค ดังนั้น เทรนความงาม ปี 2018

waterthenewluxury     สวยประหยัดน้ำ จากการลดการใช้น้ำ ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญลง เห็นได้ จาก 33% ของประชากรในสหราชอาณาจักร บอกว่ายอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ช่วยประหยัดน้ำ 27% อาบน้ำเร็วขึ้นและประหยัดน้ำมากขึ้น  จนกลายมาเป็นสูตรของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้เป็นสูตรใช้น้ำน้อยไปจนถึงไม่ต้องใช้น้ำเลย เช่น Dry-Shampoo, สบู่ที่ไม่ต้องล้างออก และยาสีฟันที่ไม่ต้องล้าง

 

Gas-Tronomia kitchen-beauty      การใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่เข้าใกล้ความเป็น 100% ให้ได้มากที่สุด พบว่า 50% ของเพศชายในสหราชอาณาจักรเชื่อว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มีส่วนผสมและวัตถุดิบจากธรรมชาติให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเครื่องสำอางแบรนด์ใหญ่ที่ผลิตในห้องแล็บ  นำมาซึ่งความนิยมของเทรนด์ความงามที่เรียกเล่นๆ ว่า ที่หยิบเอาวัตถุดิบต่างๆ ในครัวมาใช้สำหรับเสริมความงาม โดยนอกจากจะเป็นการตอกย้ำถึงกระแสรักสุขภาพแล้ว ยังสามารถเห็นถึงการมีส่วนร่วมหรือเป็นผู้กำหนดสูตรต่างๆ ของเครื่องสำอางได้เองอีกด้วย

 

Powerplay    ค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการให้เพิ่มพลังให้ผิว โดย 79% ของผู้บริโภค ไม่ชอบความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง เหนื่อยล้า ผลงานวิจัยรายงานว่า 72% อยากทำให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้นด้วยการนอนหลับที่ดีขึ้น 64% ต้องการทานอาหารอย่างสมดุลเพื่อลดน้ำที่ค้างอยู่ในผิวหนัง  59% ต้องการที่จะออกกำลังกายมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมองหาสินค้าและบริการทางความงามที่ตอบสนองเพื่อสุขภาพองค์รวมเพิ่มมากขึ้น ดูแลผิวหน้ามากกว่า 12% เพิ่มส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยเพิ่มพลังให้ผิว ซึ่งมีผลิตภัณฑ์สำหรับดวงตา และผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายอื่นๆ เพิ่มมาเช่นกัน ผลงานวิจัยนี้ทำให้เห็นความต้องการของผู้บริโภคและโอกาสของแบรนด์ในอนาคต ที่จะผลิตสินค้าในกลุ่ม Energy-Boosting มากขึ้น

 

Digitalexperience    เทคโนโลยีความงาม แอปพลิเคชั่น ที่สามารถตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของสภาพผิว และจุดด่างดำต่างๆ สกินแคร์ที่มีเครื่องมือช่วยตรวจสภาพผิวพร้อมกันด้วย

 

Kidcosmetics เมื่อความงามไม่ได้จำกัดอยู่แค่เครื่องสำอางสำหรับผู้ใหญ่วัยทำงานอีกต่อไป เด็กอเมริกัน 80% ที่มีอายุระหว่าง 9-11 ขวบ ได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ความงามที่ทำขึ้นมาเพื่อเด็กโดยเฉพาะ อาทิเช่น ลิปมัน แป้งพัฟ โลชั่นที่มีกลิ่นหอม ส่วนวัยรุ่นที่อายุระหว่าง 12-14 ปี 54% นิยมใช้มาสคารา, อายแชโดว์, อายไลเนอร์ และดินสอเขียนคิ้ว ข้อมูลจากการวิจัยยังระบุไว้อีกว่า วัยรุ่นอเมริกันในช่วงอายุ 12-14 ปีบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า การที่พวกเขาได้ตัดสินใจใช้เครื่องสำอางตั้งแต่ยังเด็กเนื่องจากมันทำให้พวกเธอรู้สึกมั่นใจ

 

Real Influencer  กลยุทธ์การใช้ Influencer รีวิวสินค้า หรือบริการ ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ ด้วยการสื่อสารที่ดูเป็นธรรมชาติเหมือนไม่ใช่การโฆษณา แต่เอาเข้าจริงในกลุ่มผู้บริโภควัย 18-24 ปี มี 62% ที่คิดจะซื้อสินค้าที่มีคนดังใน YouTube โฆษณาให้ ขณะที่ยังมีอีก 49% ซื้อสินค้าที่โฆษณาผ่านทีวีหรือภาพยนตร์ ที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากผู้ชมคลิป YouTube มองผู้ผลิตคลิปหรือ Influencer เป็นเหมือนเพื่อนที่เชื่อถือได้ ไม่ใช่เซเลบริตี้ที่เข้าไม่ถึง  แต่ภายใน 5 ปี  ข้างหน้า เพื่อนๆ พี่น้อง ใกล้ตัวของเราจึงกลายเป็น  The Real Influencer ที่แท้จริง แต่ตลาดบิวตี้ไทยยังโตสวนเศรษฐกิจ

 

สำหรับสินค้าความงามของไทยพบว่า การบริโภคของตลาดในประเทศแบ่งออกเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผิว  46% ตามมาด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม 16%, เครื่องสำอางสำหรับแต่งหน้า 16% และน้ำหอม 3% ส่วนการส่งออกสินค้าความงามของไทยไปยังอาเซียนและทั่วโลก มีผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม 40%, ผลิตภัณฑ์สำหรับอาบน้ำ 22%, ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก 16%, สกินแคร์ 13% โดยประเทศที่ไทยส่งออกเครื่องสำอางไปจำหน่ายมากที่สุด คือญี่ปุ่น รองลงมาคือฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย มาเลเซีย และอินโดนีเซียตามลำดับ

 

ขอบคุณภาพ จาก www.fairiesta.com

คอลัมน์ Young ทัน By อรรธจิตฐา วิทยาภรณ์

related