สาวๆ อัพเดตด่วน !! “ถ้าไม่อยากเสียผู้ชายไป” ให้ใจเริง ! แบบพิมาลา ในเพลิงบุญ “เลิกทำนิสัยแบบนี้ซะ” !!

กำลังร้อนแรงแบบเรียกเรตติ้งให้ช่องได้เลยจ้า !! สำหรับละครเรื่อง "เพลิงบุญ" ซึ่งกระแสคนเอาใจช่วย "พิมาลา" แบบกระหน่ำมากมาย ทำเอาคุณฤกษ์โดนต่อว่าจนเกลียดกันไปข้างนึง ไม่นับใจเริงที่โดนด่ากระเจิงน่าดู

แต่เอ๊ะ !! จะว่าไปแล้วเราจะโทษแต่ผู้ชายก็ไม่ถูก เพราะการที่พิมาลาต้องเผชิญกับชะตากรรมแบบนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะตัวเธอเองด้วยที่มีนิสัยบางอย่างอันนำไปสู่การสูญเสียในครั้งนี้ ส่วนจะเป็นนิสัยอะไรนั้น ไปดูเลยจ้าาาาาาาาาา !!!

1. Ego สูง

ลองคิดดูสิว่าอิโก้ของพิมาลาสูงขนาดไหน เพราะไม่ว่าใครจะเตือนเรื่องใจเริงอย่างไร พิมาลาก็ไม่ฟัง ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ น้องสาว เพื่อน หรือแม้แต่สามีอย่างฤกษ์ สุดท้ายยังจะยอมให้ใจเริงเข้ามาอยู่ในบ้าน จนต้องเผชิญความเสียใจแบบนี้ หากเพียงพิมาลายอมลดอิโก้ตัวเองลงสักหน่อย ไม่เชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไปนัก เชื่อว่าเรื่องแย่ๆ แบบนี้น่าจะเกิดขึ้นได้ยากนะ

เรื่องอิโก้เนี่ยเป็นปัญหาสำหรับสาวๆ หลายๆ คนเลยนะ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเชื่อคนอื่นมากกว่าตัวเอง การเชื่อมั่นในตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องเป็นไปอย่างมีสติรอบคอบและพิจารณาอย่างถี่ถ้วนตามความเป็นจริง นำเอาคำเตือนและคำแนะนำของคนอื่นมาคิดพิจารณาด้วย อย่างพิมาลานั้นหากพิจารณาอย่างมีสติจะรู้ว่าอย่างไรเราก็ไม่ควรให้เพื่อนผู้หญิงที่เป็นคนรักเก่าของสามีมาอยู่ที่บ้านเด็ดขาด!

.

.

2. ใจอ่อน

เอาล่ะถึงเราจะพูดกันในประเด็นอิโก้ของพิมาลา แต่อีกมุมหนึ่งเราก็ยอมรับว่าพิมาลาคือคนใจอ่อน การจะปฏิเสธเพื่อนที่กำลังเดือดร้อนมาร้องไห้อ้อนวอนขอความช่วยเหลือเรานั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเพื่อนที่เราคิดว่าเขาเคยมีบุญคุณกับเรา แต่การใจอ่อนเกินไปก็อาจจะนำพาเราไปสู่หายนะได้ อย่าลืมว่าการใจอ่อนกับคนที่มีเจตนาร้าย ยิ่งนำพาหายนะมาสู่ตัวเอง

หากเราไม่สามารถปฏิเสธในเรื่องที่ลำบากใจจริงๆ เราลองเงียบและหาคนที่มีอำนาจพอ แล้วโยนอำนาจนั้นให้เขาเป็นปฏิเสธก็ได้ อาจจะช่วยได้ แต่ความเป็นจริง เราควรจะสตรองและเข้มแข็งพอที่จะปฏิเสธในสิ่งที่ไม่สมควร ซึ่งจะช่วยให้ชีวิตของเราง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว

การฝึกปฏิเสธเป็นอีกคุณสมบัติที่เราควรมีนะจ๊ะ

.

.

3. คนดีที่ขาดการพิจารณา

การทำดีเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าลืมว่าความดีต้องทำกับคนดีเพื่อให้เกิดผลดี เพราะการทำดีกับคนผิด ก็อาจจะส่งผลร้ายได้เช่นเดียวกัน เหมือนกับเราถวายเพลพระ หากเราถวายให้พระที่ดี ท่านก็จะเอาไปช่วยเหลือคนอื่น ไปสร้างสิ่งที่มีประโยชน์ แต่ถ้าเราเอาเงินให้โจร โจรอาจจะเอาไปซื้ออาวุธมาฆ่าคนได้ เพราะฉะนั้นก่อนจะให้อะไรใคร หรือก่อนจะทำดี เราก็ต้องมีสติ รอบคอบ และต้องทำดีให้ถูกวิธีด้วย

ทำดีให้ถูกวิธีหมายถึงว่าเราต้องเลือกวิธีที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุด และเกิดประโยชน์ต่อตัวผู้ที่เราจะทำดีด้วย อย่างเช่นการที่พิมาลาต้องการช่วยเหลือใจเริง พิมาลาควรจะเลือกวิธีช่วยเหลือวิธีอื่นมากกว่าการยอมให้เข้ามาอยู่ในบ้านและเข้ามาก้าวก่ายครอบครัวของตนเอง ซึ่งทำให้เกิดปัญหาตามมาทีหลังแบบนี้ แม้ว่าครอบครัวของใจเริงจะมีบุญคุณกับตัวเองมากเท่าไหร่ก็ตาม แต่พิมาลาควรจะใช้วิธีอื่นในการให้ความช่วยเหลือใจเริงมากกว่า

.

.

4. ไร้เหตุผล

การตะบึงตะบอนด้วยความเชื่อว่าการช่วยเหลือเพื่อนที่เคยมีบุญคุณกับเราเป็นสิ่งที่ดี เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้พิมาลาต้องเผชิญกับเรื่องราวความเสียใจ และนี่เป็นอีกหนึ่งความไร้เหตุผลของพิมาลา ที่คิดแต่ว่าจะทำต้องทำ โดยไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ทำให้คนรอบข้างนั้นเบื่อและระอาด้วย เพราะหากมองตามความเป็นจริงแล้ว การที่พิมาลาอยากจะช่วยเหลือใจเริงนั้นเพื่อตอบแทนบุญคุณ หรือเพราะใจเริงเป็นเพื่อนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนนั้น สามารถใช้วิธีอื่นได้อีกมากมายเลยทีเดียว

ความไร้เหตุผลของพิมาลาทำให้เธอตัดสินใจด้วยอารมณ์เพราะเชื่อว่าสิ่งที่ตนเองทำเป็นสิ่งที่ดีจะต้องได้รับผลดีแน่นอน แต่หากมองทางด้านเหตุผลความเป็นจริงแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง! และเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิงอีกต่างหาก

.

.

5. ไม่มองโลกตามความเป็นจริง

การยอมให้คนรักเก่าของสามีเข้ามาอยู่ในบ้าน ถามใครใครก็ต้องส่ายหัวด้วยความระอาแล้วถามกลับมา เธอคิดอะไรอยู่ด้วยกันทั้งนั้นแหละ เพราะอย่างไรก็ดูไม่น่าที่ทุกอย่างจะผ่านไปอย่างราบรื่นได้แน่นอน แต่พิมาลากลับไม่ได้มองโลกตามความเป็นจริงว่าฤกษ์ ผู้เป็นสามีนั้นก็เป็นผู้ชายคนนึงที่มีเลือดเนื้อมีจิตใจ มีความต้องการตามธรรมชาติของมนุษย์ แล้วการยอมให้คนรักเก่าของฤกษ์มาอยู่ในบ้าน เป็นการไม่ให้เกียรติและท้าทายความเชื่อมั่นที่มีต่อตัวฤกษ์อย่างมาก

และหากเราไม่มองโลกตามความเป็นจริง เราก็จะขาดความระมัดระวังในการใช้ชีวิต เพราะมัวแต่อยู่ในโลกของอุดมคติ อะไรก็ผิดพลาดไปหมด ทั้งยังนำปัญหามาสู่คนอื่นด้วย หากพิมาลาจะเฉลียวใจสักนิด และอยู่กับความเป็นจริง ไม่ใช่ความดีในอุดมคติของตัวเอง เชื่อว่าปัญหาเหล่านี้ก็น่าจะเกิดขึ้นได้ยาก

และสุดท้ายเมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว การยอมรับว่าตนเองคือหนึ่งในสาเหตุของการทำให้ปัญหาเกิดขึ้น ย่อมจะนำไปสู่การแก้ปัญหาได้ดีกว่าการมัวแต่โทษคนอื่น เพราะหากพิมาลาไม่โทษตัวเองเลย แล้วเอาแต่โทษใจเริง พิมาลาก็จะไม่ได้ปรับปรุงนิสัยของตนเองและทำให้เกิดปัญหาในครั้งอื่นๆ อีกแน่นอน