svasdssvasds

ชำแหละขบวนการค้าหมูเถื่อน EP 3 แฉเครือข่ายนักการเมืองใหญ่ภาคกลาง เบี่ยงประเด็นสาดโคลน "เฉลิมชัย"

ชำแหละขบวนการค้าหมูเถื่อน EP 3 แฉเครือข่ายนักการเมืองใหญ่ภาคกลาง เบี่ยงประเด็นสาดโคลน "เฉลิมชัย"

เม็ดเงินจำนวนมหาศาลจากหมูเถื่อน ถูกกระจายให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งบริษัทนำเข้าสินค้า ข้าราชการระดับปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง ข้าราชการระดับสูง และนักการเมืองที่มีอำนาจ รวมทั้งนักการเมืองในจังหวัดพื้นที่ภาคกลางบางจังหวัด

ปฏิบัติการเคลียร์เส้นทาง ทั้งความพยายามในการเปลี่ยนแปลงอธิบดีกรมปศุสัตว์ มาสู่การลักลอบนำเข้าโดยสำแดงเป็นอาหารทะเลแช่แข็ง โดยเฉพาะเนื้อปลาแช่แข็ง และหัวปลาแซลมอน เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ ที่เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 และต่อเนื่องมาจนถึงปี 2566 เป็นการกระทำที่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษพบว่า ตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา มีการลักลอบนำเข้าหมูและเครื่องในหมูมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2,385 ตู้คอนเทนเนอร์  

แฉเม็ดเงินใต้โต๊ะหมูเถื่อนสะพัดกว่าพันล้าน

เนื้อหมูเถื่อนทั้ง 2,385 ตู้คอนเทนเนอร์ เป็นตู้สินค้าขนาด 40 ฟุต ที่บรรจุสินค้าน้ำหนักตู้ละ 27 ตัน หรือ ตู้ละ 27,000 กิโลกรัม โดยสำแดงเป็นสินค้าอาหารทะเลแช่แข็ง และเม็ดพลาสติก ซึ่ง DSI ประเมินมูลค่าสินค้าทั้งหมดอย่างต่ำ ประมาณ 2-3 พันล้านบาท 

สินค้าทั้งหมดเมื่อนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จะมีมูลค่าสูงเป็นสองเท่า โดยมีเงินส่วนต่างที่เป็นเม็ดเงินเถื่อนเกิดขึ้น และหมุนเวียนอยู่ในขบวนการค้าหมูเถื่อน ประมาณกิโลกรัมละ 20 บาท หรือประมาณ 1,200 ล้านบาท

เม็ดเงินจำนวนมหาศาลนี้ ถูกกระจายให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งบริษัทนำเข้าสินค้า หรือชิปปิ้ง ข้าราชการระดับปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง ข้าราชการระดับสูง และนักการเมืองที่มีอำนาจ รวมทั้งนักการเมืองในจังหวัดพื้นที่ภาคกลางบางจังหวัด 

Green Line ช่องโหว่ใหญ่เส้นทางผ่านหมูเถื่อน

แหล่งข่าวในกรมปศุสัตว์บอกว่า มีความพยายามโยนความผิดมาให้จนท.ปศุสัตว์ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง และเป็นตัวการใหญ่ในการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนล็อตใหญ่ ทั้งที่ขั้นตอนการลักลอบนำเข้าที่ผ่านมา ไม่พบการนำเข้าผ่านช่องทางของกรมปศุสัตว์เลย 

“การนำเข้าโดยสำแดงเป็นอาหารทะเล หรือเม็ดพลาสติก ไม่อยู่ในอำนาจที่กรมปศุสัตว์จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือ ตรวจสอบ แม้แต่ห้องเย็นที่เก็บอาหารทะเล หรือโกดังเม็ดพลาสติก ก็อยู่นอกเหนืออำนาจเรา” 

สินค้าเหล่านั้นเข้าช่องทางยกเว้นการตรวจ หรือ  Green Line ซึ่งเป็นช่องว่างให้ขบวนการนี้สามารถเข้าไปติดต่อรับสินค้า จากเจ้าหน้าที่ได้ทันที” 

สินค้าบางตู้มีพิรุธ เพราะสำแดงเป็นเม็ดพลาสติก ซึ่งไม่จำเป็นต้องรักษาอุณหภูมิ แต่กลับขนส่งมาในตู้สินค้าแบบห้องเย็น ก็ไม่มีการตรวจสอบ ไม่มีการเปิดตู้ ตรงกันข้ามกลับเข้ามาในช่องทาง Green Line ได้อย่างสะดวก

สปริงนิวส์ ตรวจสอบเอกสารพิธีการนำเข้าสินค้าทางเรือของกรมศุลกากรพบว่า ขั้นตอนการปฏิบัติพิธีการนำเข้าสินค้าทางเรือ ผู้นำเข้าสามารถดำเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ทันที โดยช่องโหว่ของการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนครั้งนี้ อยู่ในขั้นตอนข้อที่ 2 ของพิธีการนำเข้า คือ 

  • การตรวจปล่อยสินค้าที่นำระบบบริหารความเสี่ยง (Risk Management) มาใช้ในการสั่งการตรวจตามเงื่อนไขที่หน่วยงานศุลกากรกำหนดไว้ในระบบ Profile เพื่อจัดกลุ่มใบขนสินค้าเป็น 2 กลุ่ม คือ ให้เปิดตรวจ (Red Line) หรือให้ยกเว้นการตรวจ (Green Line) 

ขั้นตอนการปฏิบัติพิธีการศุลกากรนำเข้าทางเรือ

 

 

เมื่อระบบตรวจสอบเสร็จแล้ว จะกำหนดเลขที่ใบขนสินค้า และสั่งการตรวจให้อัตโนมัติ พร้อมกับแจ้งตอบกลับไปยัง ผู้ประกอบการทราบ ผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ และแจ้งโรงพักสินค้าหรือท่าเทียบเรือทราบถึง ผลการสั่งการตรวจจากศุลกากร

กรณียกเว้นการตรวจ ผู้ประกอบการสามารถติดต่อโรงพักสินค้าหรือท่าเทียบเรือรับมอบสินค้าได้ทันที

แฉ! ลงขันนับร้อยล้านย้ายอธิบดีปศุสัตว์

ช่องทางยกเว้นการตรวจ หรือ Green Line เป็นช่องโหว่ที่พบว่า มีการนำมาใช้ในการลักลอบนำเข้าครั้งนี้มากที่สุด เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษพบข้อมูลว่า มีเม็ดเงินจำนวนมากกระจายอยู่ในขั้นตอนนี้สูงถึง 200,000 บาทต่อตู้ หรือประมาณ 4-5 ร้อยล้านบาทเป็นอย่างต่ำ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา 

ไม่แปลกที่เคยมีข่าวบริษัทเอกชนหลายแห่งร่วมลงขันกันนับร้อยล้านบาท เพื่อย้ายอธิบดีกรมปศุสัตว์ เพราะอธิบดีกรมปศุสัตว์ในช่วง ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ทั้งสองคนไม่อยู่ในการควบคุมของนักการเมืองใหญ่คนนั้น

จากข้อมูลทั้งหมด ทำให้ DSI ออกหมายเรียกผู้บริหารบริษัทนำเข้าสินค้า 10 บริษัท ที่พบข้อมูลว่า อาจเกี่ยวข้องกับการนำเข้าหมูเถื่อนล็อตใหญ่นี้ โดยมี 2 ใน 10 บริษัท คือ บริษัท ศิขัณทินเทรดดิ้ง จำกัด และบริษัท สมายล์ ท็อป เค เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด  อยู่ในเป้าหมายที่ถูกตรวจสอบเป็นพิเศษ เมื่อพบข้อมูลว่า อาจเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองใหญ่คนสำคัญ 

สาดโคลน “บิ๊กต่อ” เบี่ยงประเด็น

การตรวจสอบที่เข้าใกล้ตัวนักการเมืองคนดัง รวมทั้งการเข้าตรวจค้นเครือข่ายห้องเย็นหลายแห่งในจังหวัดภาคกลาง ซึ่งเกี่ยวพันกับนักการเมืองใหญ่ในพื้นที่อีกหลายคน และการเข้าใกล้เส้นทางการเงินที่อาจไปนำไปสู่ตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังขบวนการนี้ ทำให้เริ่มมีปฏิบัติการปล่อยข้อมูลเบี่ยงเบนออกจากตัว โดยมีเป้าหมายไปยัง เลขาฯ ต่อ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯในช่วงเวลานั้น 

ชาร์ทแสดงความเกี่ยวพันล่าสุด ที่ปรากฏชื่อ เฮียเกียรติ ,เฮียก. ที่ถูกระบุว่า เป็นคนใกล้ชิดนายเฉลิมชัย จนนำไปสู่การตรวจค้นบ้านและบริษัทของนายหลี่ เซิ่งเจียว หรือ “เฮียเก้า” บุคคลสัญชาติจีน นายกสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย และควบคุมตัวเฮียเกียรติ นายสมเกียรติ กอไพศาล อดีตเลขาส่วนตัวของนายเฉลิมชัย ในข้อหาเกี่ยวพันกับการนำเข้าเนื้อสัตว์เถื่อนจำนวน 10,000 ตู้ 

ทั้งหมดเป็นข้อมูลที่ถูกโยนออกมา เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น และโยนเผือกร้อนกลับไปที่นายเฉลิมชัยโดยตรง เป้าหมายเพื่อชี้ให้สังคมเห็นว่า นักการเมืองใหญ่ และขบวนการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนมาโดยตลอด คือ คนกลุ่มนี้ และแน่นอน โครงสร้างของขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนจะเปลี่ยนไปทันที

“จากนักการเมืองใหญ่ในภาคกลาง บริษัทชิปปิ้ง บริษัทนำเข้าสินค้า ข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้า ข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับสินค้าทะเลแช่แข็ง ห้องเย็น และโกดังในจังหวัดริมทะเลภาคกลาง”

“เปลี่ยนมาเป็น อดีตรัฐมนตรีว่าการ อดีตเลขาส่วนตัวรัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูงในกรมปศุสัตว์ และเจ้าของบริษัทย่านถนนพระราม 2” 

แผนเบี่ยงเบนครั้งนี้ถูกนายเฉลิมชัยออกแถลงข่าวตอบโต้ทันที พร้อมปฏิเสธความเกี่ยวพันกับเฮียเก้า หรือนายหลี่ โดยยืนยันว่า เฮียเก้ามีศักดิ์เป็นเพียงญาติห่างๆ กับบิดาของนายเฉลิมชัยที่เมืองจีนเท่านั้น

สปริงนิวส์ ตรวจสอบข้อมูลเฮียเก้ากับแหล่งข่าว ยืนยันว่า เฮียเก้าไม่ได้พัวพันกับการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนแน่นอน แต่เป็นไปได้ที่อาจจะพัวพันกับการลักลอบนำเข้าตีนไก่ หรืออาจเกี่ยวพันกับแวดวงพนันออนไลน์ย่านปอยเปต ผ่านเครือข่ายของนายตำรวจใหญ่รายหนึ่ง 

“เฮียเก้ามีโกดังจำนวนมากให้เช่าย่านบางขุนเทียน และถนนพระราม 2 ธุรกิจส่วนตัวเป็นบริษัทผลิตผ้าอ้อมผู้ใหญ่ และก่อตั้งสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย เพื่อเป็นศูนย์กลางรับหน้าที่ในการประสานงานให้กับคนจีนที่จะเข้ามาประกอบธุรกิจในไทย โดยมักจะอ้างว่าสนิทกับข้าราชการผู้ใหญ่ ที่สามารถติดต่อประสานงานและอำนวยความสะดวกให้กับคนจีนเหล่านั้น” 

ข้อมูลที่นายเฉลิมชัยออกมาแถลง ข้อมูลส่วนตัวของเฮียเก้า และข้อมูลการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนผ่านช่องทาง Green Line ที่ออกมาชัดเจนมากขึ้น นำมาสู่ผังโครงสร้างความเกี่ยวพันของขบวนการค้าหมูเถื่อนชิ้นใหม่ที่นายอัจริยะนำมาออกโชว์กับสื่อ ที่นำกลับไปสู่เส้นทางของขบวนการเดิมอีกครั้ง

แต่มีตัวละครเพิ่ม คือ นายปอง ที่อ้างตัวว่า เป็นผู้สื่อข่าวสปริงนิวส์ ที่สปริงนิวส์ได้ยืนยันแล้ว ว่า นายปอง ไม่มีความเกี่ยวข้องใดใดกับสปริงนิวส์ทั้งสิ้น

ผังโครงสร้างชิ้นนี้ ชี้ชัดกลับไปที่นักการเมืองใหญ่คนเดิม ที่เกี่ยวพันกับการสั่งการ และอยู่เบื้องหลังขบวนการทำลายชาติ ผ่านการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนจำนวนมหาศาล เหลือเพียงหลักฐานการเชื่อมโยงที่ชัดเจนกว่านี้ ตัวการใหญ่ก็อาจจะถูกกระชากหน้ากากออกมาให้เห็น 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

related