SHORT CUT
พามาส่อง และอัปเดตความเคลื่อนไหวธุรกิจสื่อทั้งในระดับโลก และในประเทศไทย ว่าวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรกันบ้าง วันที่สื่อต้องปรับตัวรับดิจิทัล Disruption ทำให้ภูมิทัศน์สื่อทั่วโลกเปลี่ยนไป ค่ายยักษ์ใหญ่ลดคน
อีกหนึ่งธุรกิจที่ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา นั่นก็คือ ธุรกิจสื่อสารมวลชน จากยุคอนาล็อกในอดีต ก้าวข้ามมาสู่ยุคดิจิทัลในปจจุบัน จึงทำให้สื่อต้องปรับตัวอย่างมาก ทั้งกลยุทธ์ และรูปแบบการนำเสนอข่าวสารใหม่ๆเพื่อให้เกิดความน่าสนใจ พร้อมกับต้องสู้กับการแข่งขันที่ดุเดือดให้ได้ ทั้งสื่อมวลชนด้วยกันเอง รวมไปจนถึง เหล่ายูทูบเบอร์ ติ๊กต็อกเกอร์ เน็ตไอดอล ที่เข้ามาชิงเค้กช่วงชิงเม็ดเงินโฆษณากันฝุ่นตลบ
จากปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ทำให้ภูมิทัศน์สื่อทั่วโลกเปลี่ยน ค่ายยักษ์ใหญ่เริ่มปรับลดคน เพื่อเป็นการปรับตัวรับดิจิทัล Disruption อย่างแท้จริง ทั้งนี้เพื่อเป็นการปรับองค์กรให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป และมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ทุ่นแรงคน หลายองค์กรสื่อจึงใช้วิธีปรับลดคนลง อย่างเช่นล่าสุด สำนักข่าว CNN เตรียมปลดพนักงานประมาณ 100 ตำแหน่ง เป็นส่วนหนึ่งของแผนรวมการดำเนินงานด้านข่าว และเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจสื่อดิจิทัล
โดยมีรายงานตามบันทึกภายในที่สำนักข่าว Reuters อ้างอิง Mark Thompson ซีอีโอของ CNN Worldwide แจ้งกับพนักงาน ระบุว่า CNN จะยุบรวมทีมกองบรรณาธิการข่าวและทีมข่าวดิจิทัลเข้าด้วยกัน โดยจะลงทุนเพิ่มในการผลิตวิดีโอ และเปิดตัวผลิตภัณฑ์ข่าวแบบจ่ายเงินเพื่อรับชม (pay-per-view) โดยเขากล่าวว่า เรากำลังสร้างธุรกิจดิจิทัลในอนาคตที่มีมูลค่ามากกว่าพันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ Thompson ซึ่งเคยเป็นผู้บริหารของ New York Times และ BBC ก่อนมารับตำแหน่ง CEO ของ CNN เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว กำลังพยายามปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพและเพิ่มยอดขาย เพื่อแก้ปัญหาผู้ชมโทรทัศน์ที่ลดลง โดย CNN จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์สมัครสมาชิกแบบแยกต่างหากสำหรับ CNN.com ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แรกในชุดของบริการสมัครสมาชิกที่วางแผนไว้ รวมถึงหนึ่งบริการที่จะมุ่งเน้นเนื้อหาด้านไลฟ์สไตล์และเรื่องราวน่าสนใจ
พร้อมกันนี้ Thompson ยังได้อธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในกระบวนการทำงานด้านบรรณาธิการของ CNN รวมถึงการรวมศูนย์การวางแผนและการนำเสนอเรื่อง และการสร้างตำแหน่งใหม่ที่เรียกว่า "ผู้จัดการข่าว" ซึ่งจะดูแลทุกด้านของข่าวแต่ละเรื่องตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการเผยแพร่หรือออกอากาศ
พามาดูในฝั่งของสื่อไทยช่วงที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับว่ามีการปรับตัวอย่างมาก มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาแทนคน เช่น AI Influencer มาช่วยในการรายงานข่าว บางสื่อนำเทคโนโลยีอื่นๆมาปรับใช้จึงทำให้มีการปรับลดคนตามมาเช่นกัน ซึ่งในปี2567 หลายค่ายสื่อยักษ์ใหญ่ในบ้านเราก็มีปรับลดคนลง ไม่ได้มีเพียงค่ายใดค่ายหนึ่งที่ทำแบบนี้
ทั้งนี้จากการสำรวจข้อมูลจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ของบริษัทสื่อใหญ่ที่จดทะเบียน ว่ามีผลประกอบการไตรมาส 1/67 เป็นอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น
ส่วนเม็ดเงินโฆษณา Nielsen ประเทศไทย รายงานว่า ในไตรมาสแรกของปี 2567 ภาพรวมของมูลค่าเม็ดเงินโฆษณา อยู่ที่ 27,721 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 6% ผลสำรวจยังเผยอีกว่า คนไทยเสพสื่อทีวีมากสุด ใช้เม็ดเงินโฆษณาในไตรมาสที่ผ่านมา 50% คิดเป็นมูลค่า 13,767 ล้านบาท รองลง คือ สื่อออนไลน์ ใช้เม็ดเงินไปที่ 7,890 ล้านบาท และสื่อนอกบ้าน ที่ 4,085 ล้านบาท
ทั้งนี้หากเข้ามามองที่ใส้ในให้ดีแม้ว่าเม็ดเงินจากทีวีจะมาก แต่ใส้ในพบว่าสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19% มากที่สุด ถ้าเทียบกับสื่อประเภทอื่น ส่วนทีวีมีสัดส่วนเม็ดเงินโฆษณาเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเพียง 2%
ทางด้านสัดส่วนสัดส่วนของคอนเทนต์ที่คนไทยรับชม 55% คือการรับชมทีวีแบบดั้งเดิม ส่วนอีก 45% มาจากแอปพลิเคชันสตรีมมิง เช่น 16% คือการรับชม YouTube บนทีวี ,11% คือการรับชมแอปพลิเคชันสตรีมมิง เช่น Netflix, Disney+ บนทีวี ,7% คือการรับชม TikTok บนทีวี , 6% คือการรับชมผ่าน Facebook บนทีวี ,5% คือการรับชมแอปพลิเคชัน TrueID บนทีวี
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าวงการสื่อมวลชนไทย และสื่อทั่วโลก ยังคงต้องมีการปรับตัวกันต่อเนื่อง เพื่อรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทุกรูปแบบทั้งในปัจจุบัน และในอนาคต!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง