SHORT CUT
สรุปเหตุการณ์ "เรือประมงไทย" ถูกเรือรบกองทัพเรือเมียนมายิงกลางทะเล ห่างฝั่ง จ.ระนอง มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิจ ยังถูกจับกุมอยู่อีก 31 คน กระทรวงการต่างประเทศเร่งประสานทางการเมียนมาแล้ว
กลางดึกคืนวันที่ 29 พฤศจิกายนต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 เกิดเหตุเรือประมงของไทยถูกเรือรบของกองทัพเรือเมียนมายิงใส่ ทำให้มีผู้บาดเจ็บและสูญหาย พร้อมยึดเรือประมงไปได้อีก 2 ลำ โดยมีลำดับเหตุการณ์ดังนี้
คืนวันที่ 29 พ.ย. กลุ่มเรือประมงไทยจำนวน 5 ลำ ออกทำการประมงด้วยวิธีการล้อมอวน พิกัดห่างจากเกาะพยาม จ.ระนอง ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 12 ไมล์ (พิกัดละติจูด 9 องศา 45 ลิปดาเหนือ และ ลองติจูด 98 องศา 17 ลิปดาตะวันออก)
จนกระทั่งเวลา 00:45 น. หนึ่งในกลุ่มเรือประมง ชื่อเรือ "มหาลาภธนวัฒน์ 4" ร้องขอความช่วยเหลือเหตุน้ำเข้าเรือ เพราะถูกยิงจากเรือรบเมียนมา มีผู้บาดเจ็บจำนวน 2 ราย ผู้บาดเจ็บถูกนำตัวส่งถึงฝั่งเวลา 03:30 น. นำส่ง รพ.ระนองเพื่อรักษาต่อ รายหนึ่งเป็นไต๋เรือชาวไทยได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ อีกรายเป็นชาวเมียนมาบาดเจ็บจากถูกกระแสไฟฟ้าช็อตตามร่างกาย
ต่อมาเวลา 01:15 น. เรือรบเมียนมาสามารถจับกุมเรือประมงไทยจำนวน 2 ลำคือ เรือ ส.เจริญชัย 8 พร้อมลูกเรือรวม 31 คน เป็นคนไทย 4 คน คนเมียนมา 27 คน ถูกคุมตัวไว้ที่เกาะย่านเชือก ประเทศเมียนมา โดยผู้บังคับบัญชาฝั่งเมียนมา ผบ.สน.เรือ 58 เกาะย่านเชือก เมียนมา ยืนยันว่าจับกุมเรือประมงไทยไว้จริง เนื่องจากมีกลุ่มเรือประมงราว 15 ลำ เข้ามาทำการประมงในเขตน่านน้ำเมียนมา ประมาณ 4-5.7 ไมล์ โดยจะส่งคืนลูกเรืออีก 2 วันข้างหน้า ที่สถานีประมงเกาะสอง ประเทศไทย
เรืออีกลำที่ถูกจับกุม คือ เรือดวงทวีผล33 ลูกเรือได้กระโดดน้ำหนี ไม่ทราบจำนวนลูกเรือแน่ชัด มีหนึ่งรายที่เสียชีวิตจากการจมน้ำ แต่ส่วนใหญ่ได้รับการช่วยเหลือจากเรือประมงและเรือ ต.274 นำตัวเข้าฝั่งแล้ว ปัจจุบันยังคงมีผู้สูญหายอีกประมาณ 4-5 คน
.
ขณะที่ ศูนย์ประสานงานประมงชายแดนไทย-เมียนมาและคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา (TBC) ได้ทำหนังสือประท้วงถึงปัญหาที่เรือตรวจการณ์เมียนมา 3 ลำ รุกล้ำเข้าในน่านน้ำไทย และลากจูงเรือประมงไทยเข้าไปในน่านน้ำเมียนมา พร้อมหาทางช่วยเหลือเรือประมงไทยที่ถูกเรือรบของทางการเมียนมาควบคุมไปที่เกาะย่านเชือกต่อไปด้วย
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันกองทัพเรืออยู่ระหว่างการประสานกับกองทัพเรือเมียนมาตามการสั่งการของนายกรัฐมนตรี ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกำชับสถานทูตไทยในกรุงย่างกุ้งประสานกระทรวงการต่างประเทศเมียนมาโดยด่วนอีกทางหนึ่ง ซึ่งสถานทูตดำเนินการแล้ว และจะติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่ามีการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งการกระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่ เพื่อการดำเนินการเกี่ยวข้องที่เหมาะสมต่อไป
กระทรวงการต่างประเทศซึ่งมีหน้าที่หลักในการช่วยเหลือดูแลคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยากในต่างประเทศ ขอยืนยันว่าจะดำเนินการช่วยเหลือคนไทยกลุ่มดังกล่าวอย่างเต็มที่ และจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบต่อไป