ซีรีส์ ‘อนาคต’ 4 ตอน 4 เรื่องราวจาก Netflix ที่เสียดสีความเป็นไทยได้อย่างเจ็บแสบ เมื่อเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลก คนไทยจะเป็นยังไงต่อไป?
หากใครมองภาพของประเทศไทยใน 10 หรือ 20 ปีข้างหน้าไม่ออก ซีรีส์นี้อาจเป็นคำตอบ เมื่อเทคโนโลยีสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่ผู้คนบางส่วนยังคงยึดติดอยู่กับเรื่องเดิมๆ
เมื่อมนุษย์ยังยึดติดกับความรัก การฝืนชะตากรรมและธรรมชาติจึงได้ถือกำเนิด เมื่อ หมอนุ่น (อิ๊งค์ วรันธร) นักวิทยาศาสตร์และนักบินอวกาศคนแรกของไทยกำลังเดินทางกลับจากอวกาศหลังไปทำภารกิจเป็นเวลา 3 ปี แต่ในขณะกลับสู่โลกได้เกิดอุบัติเหตุจนหมอนุ่นเสียชีวิต ทำให้สามีอย่าง นนท์ (บอย ปกรณ์) จึงคิดหาวิธีคืนชีพให้ภรรยาด้วยเทคโนโลยีโคลนนิ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายและฝืนธรรมชาติ
จะเป็นอย่างไรถ้าในอนาคตประเทศไทยสามารถโคลนนิ่งมนุษย์ขึ้นมาได้? แน่นอนว่าเหล่ามหาเศรษฐีคงมีชีวิตที่ยืนยาว ตรงข้ามกับผู้ที่ต้องดิ้นรนหาเช้ากินค่ำเพียงแค่จะหาเงินใช้ชีวิตในแต่ละวันยังเป็นเรื่องยาก การมีชีวิตยืนยาวคงไม่ต้องพูดถึง
เมื่อมนุษย์ยังยึดติดกับศีลธรรมอันดีงามของประเทศไทย การต่อต้านผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเพศจึงได้ถือกำเนิด เจสสิก้า (วี วิโอเลต วอเทียร์) ลูกสาวหญิงขายบริการในเมือง Gamalore ได้เปิดตัว เซ็กส์โรบอต ซึ่งพัฒนามาจากฐานข้อมูลของโสเภณีมืออาชีพระดับประเทศ
แน่นอนว่า ประเทศไทยในขณะนี้ไม่ว่าจะเป็น Sex Toy หรือภาพยนตร์ 18+ นั้น ล้วนเป็นเรื่องผิดศีลธรรมอันดีงาม หากในอนาคตมีการสร้างเซ็กส์โรบอตขึ้นมาวางจำหน่ายจริงๆ ประเทศเมืองพุทธของเราคงลุกเป็นไฟ เพราะปัจจุบันแม้แต่เรื่องการค้าประเวณีก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงว่าควรทำให้ถูกต้องหรือซุกอยู่ใต้พรมดังเดิม
เมื่อมนุษย์ยังยึดติดกับการทำบุญแล้วต้องเห็นผล “ทำบุญชาตินี้ ต้องได้ใช้ชาตินี้” ประกอบกับวงการสงฆ์เสื่อมถอยลงทุกวัน ผู้คนจึงถอยห่างจากพุทธวิถีเดิม แล้วมุ่งสู่พุทธวิถีใหม่ หันไปนับถือ ‘ULTRA’ ปัญญาประดิษฐ์ที่นำคำสอนในพระไตรปิฎกมาเรียบเรียงใหม่ให้ทันสมัยคิดค้นโดย นีโอ (เอม ถาวรศิริ) ทำบุญเมื่อไหร่ได้แต้มบุญทันที และยังสามารถสะสมแต้มบุญนำไปแลกสินค้าได้
หากในอนาคตมีเทคโนโลยีนี้จริงๆ การทำบุญนั้นคงเป็นสิ่งที่ขัดกับหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อทุกคนหันมาทำบุญเพื่อสะสมแต้มนำไปแลกของ แทนที่จะทำบุญโดยไม่ยึดติดว่าจะต้องได้สิ่งตอบแทน จนเกิดคำถามที่ว่าธรรมะที่แท้จริงคืออะไรกันแน่?
เมื่อในอนาคตเกิดสภาวะโลกร้อนสภาพอากาศเลวร้าย มนุษย์นั้นย่อมใฝ่หาหนทางเอาชีวิตรอด ในปี 2594 ทั่วโลกมีฝนตกเป็นเวลา 1 ปีกว่าโดยไม่หยุด สภาพแวดล้อมแย่ลงเกิดโรคระบาดที่มากับน้ำ ผู้คนล้มป่วยและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก วิธีที่จะรอดจากโรคระบาดได้ก็คงมีแต่ ‘วัคซีนมนุษย์น้ำ’ วัคซีนที่จะช่วยให้มนุษย์ปรับตัวเหมือนสัตว์น้ำ แต่วัคซีนที่ว่านั้นมีราคาแพงเกินกว่าเด็กในสลัมนีโอคลองเตย อย่าง กัลปังหา (มินนา วณิชชยา) จะหามาช่วยเพื่อนสนิทอย่าง มุก (แตงกวา ชนัญธิชา) ที่ติดเชื้ออยู่ได้ รัฐบาลไม่สามารถจัดสรรวัคซีนได้อย่างทั่วถึง แล้วประเทศไทยจะเป็นยังไงต่อไป?
หากมองย้อนกลับไปในอดีต ซีรีส์ตอนนี้คงไม่ต่างจากช่วงที่ประเทศไทยเผชิญกับโรคระบาดโควิด-19 สักเท่าไหร่ ในช่วงแรกนั้นวัคซีนไม่ได้เข้าถึงคนทุกกลุ่มรวมไปถึงการเข้ารับการรักษาด้วย หากยังจำกันได้ในช่วงแรกที่โรคระบาดนั้น ทั้งราคาหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ล้างมือ แพงลิบลิ่วเกินกว่าที่คนรากหญ้าจะหาซื้อได้ การตรวจหาเชื้อโควิดไม่ได้ง่ายเหมือนปัจจุบัน แต่ละครั้งต้องตรวจในโรงพยาบาลราคาหลักพัน สำหรับคนที่ไม่มีเงินนั้นทำได้เพียงต้องนอนโรงพยาบาลสนามที่แออัดไปด้วยผู้คนอย่างเลือกไม่ได้
ซีรีส์ทั้ง 4 ตอนนั้น มีหลากหลายความรู้สึกแตกต่างกันไปในแต่ละตอน แต่หนึ่งสิ่งมีเหมือนกันนั้นก็คือ การเสียดสีสังคมไทย ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน คนไทยบางกลุ่มก็ยังคงยึดติดอยู่กับเรื่องเดิมๆ