สรุปให้ ‘ชาล็อต ออสติน’ ถูกมิจฉาชีพสวมรอยเป็นตำรวจหลอกสูญเงิน 4 ล้านบาท บังคับวีดิโอคอล 24 ชม. เกิดอะไรขึ้นบ้าง?
- โดยปกติแล้ว ชาล็อต ออสติน เธอจะไม่รับโทรศัพท์จากเบอร์แปลก แต่วันเกิดเหตุเธอไปทำธุระส่วนตัวและทิ้งเบอร์โทรศัพท์ให้กับทางร้านไว้เพื่อขอใบกำกับภาษี
- หลังจากนั้นช่วงเย็นขณะที่เธอกำลังขับรถ มีเบอร์โทรศัพท์โทรเข้ามา เธอคิดว่าเป็นเบอร์ของร้านจึงรับสาย ปลายสายแนะนำตัวอ้างเป็นตำรวจไซเบอร์ แจ้งชื่อ ยศและตำแหน่ง พร้อมกล่าวว่า เธอมีความผิดเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินของบุคคลหนึ่ง ซึ่งเคยเป็นข่าวใหญ่ในไทย
- มิจฉาชีพอ้างว่าบุคคลดังกล่าวให้ข้อมูลว่า เธอขายบัญชีธนาคารให้เพื่อเป็นบัญชีม้าและรับโอนเงินทุกเดือน เดือนละ 8 แสนบาท พร้อมแสดงหมายจับ และเอกสารทางราชการที่ปลอมแปลงขึ้นมาให้เธอดู เธอจึงหลงเชื่อและยินดีให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
- มิจฉาชีพให้เธอกดโค้ดในโทรศัพท์เพื่อทำการโอนสายไปยังอีกสายหนึ่งและขอวีดิโอคอลผ่านทาง LINE อ้างว่าต้องบันทึกภาพและเสียงเพื่อใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาลฯ
- หลังจากกดโค้ดนั้นไปแล้วเธอถูกบล็อกการสื่อสารทางโทรศัพท์ ทำให้ไม่สามารถติดต่อบุคคลภายนอกได้
- มิจฉาชีพยังมีการอ้างอีกว่าเมื่อกดโค้ดแล้วไม่สามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้ ห้ามติดต่อกับผู้อื่น และห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร เพราะเป็นความลับทางราชการ หากบอกผู้อื่น ผู้นั้นจะโดนข้อกล่าวหาไปด้วย
- หากเธอไม่ให้ความร่วมมือ เวลา 1 ทุ่มทางตำรวจ (มิจฉาชีพ) จะออกหมายจับ แต่หากร่วมมือโอนเงินเพื่อให้ตรวจสอบ ภายใน 10-15 นาทีจะทำการโอนเงินคืนกลับมาให้ ด้วยความกลัวและอาการแพนิค เธอจึงโอนเงินครั้งแรกไปเป็นจำนวนเงิน 2 ล้านบาท ก่อนจะขับรถกลับไปที่คอนโด
- ในระหว่างที่วีดิโอคอล มิจฉาชีพมีการสอบถามเป็นระยะว่าเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีต่างๆ ไหม เพื่อให้เธอแสดงความบริสุทธิ์ใจออกมา เธอจึงไม่คิดว่าเป็นมิจฉาชีพ
- จนถึงเวลาเที่ยงคืนมิจฉาชีพอ้างว่ามีการตรวจสอบยอดเงิน 2 ล้านบาท แรกเสร็จแล้วให้ทำการโอนยอดต่อไปได้ทันที เธอจึงโอนเงินไปเพิ่มอีก 5 แสนบาท และ 1.5 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 4 ล้านบาท
- ส่วนเรื่องที่ถูกบังคับให้วีดิโอคอลตลอด 24 ชั่วโมงนั้น ไม่ใช่การพูดคุยกันตลอดเวลา แต่มิจฉาชีพได้ทำการข่มขู่ให้เธอถือสายไว้ตลอดเวลา เพื่อจะหลอกให้โอนเงินอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากธนาคารที่เธอใช้สามารถโอนเงินได้เพียงวันละ 2 ล้านบาท มิจฉาชีพจึงต้องยื้อเวลาให้เธอถือสายให้นานที่สุด เพื่อทำการหลอกให้โอนเงินต่อไปเรื่อยๆ เป็นเวลาหลายวัน
- จนกระทั่งถึงช่วงเวลาประมาณตี 3 เลขาส่วนตัวของชาล็อต ได้สืบทราบว่านี่คือขบวนการมิจฉาชีพ เธอจึงรู้ตัวและพยายามหลอกให้ฝ่ายมิจฉาชีพเปิดกล้องเพื่อเก็บหลักฐานนำไปแจ้งความ แต่ฝ่ายมิจฉาชีพก็ข่มขู่กลับให้เธอกลัว
- ล่าสุดเธอได้ให้เข้าปากคำกับทางตำรวจไซเบอร์เพื่อดำเนินตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป