svasdssvasds

เดินหน้าเช็กบิล ‘อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ’ ต่อ ทำเศรษฐกิจไทยพัง

เดินหน้าเช็กบิล ‘อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ’ ต่อ ทำเศรษฐกิจไทยพัง

‘เอกนัฏ’ ใส่ไม่ยั้ง เดินหน้าปราบ “อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ” หวั่นทำเศรษฐกิจไทยพัง พร้อมตั้งทีม “ปฏิรูป มอก.” สู้สุดใจ

SHORT CUT

  • ไม่ดีแน่นอนหากประเทศไทยมี‘อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ’ จำนวนมาก เพราะมันเป็นตัวทำเศรษฐกิจไทยพังหากไม่เร่งเดินหน้าแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นระบบ และรวดเร็วท จะทำให้ประเทศของเราเสียหายมหาศาล
  • ทั้งนี้ผ่านมาปัญหาเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ ระบาดหนักมากในไทย และตามมาด้วยอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญอื่นๆ เช่น อีเวนต์ศูนย์เหรียญ
  • สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหา ‘เอกนัฏ’ ใส่ไม่ยั้ง เดินหน้าปราบ “อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ” หวั่นทำเศรษฐกิจไทยพัง พร้อมตั้งทีม “ปฏิรูป มอก.” สู้สุดใจ

‘เอกนัฏ’ ใส่ไม่ยั้ง เดินหน้าปราบ “อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ” หวั่นทำเศรษฐกิจไทยพัง พร้อมตั้งทีม “ปฏิรูป มอก.” สู้สุดใจ

‘อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ’ ถือได้ว่าเป็นตัวทำเศรษฐกิจไทยพัง หากไม่เร่งเดินหน้าแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นระบบ และรวดเร็วท จะทำให้ประเทศของเราเสียหายมหาศาล โดยที่ผ่านมาปัญหาเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ ระบาดหนักมากในไทย และตามมาด้วยอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญอื่นๆ เช่น อีเวนต์ศูนย์เหรียญ ที่ภาคเอกชน เคยออกมาแสดงความกังวลในเรื่องนี้

 

เรื่องอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ขอสู้สุดใจ โดยที่ผ่านมาก็ได้ออกมาทำงานในเรื่องนี้อย่างจริงจัง เนื่องจากปัญหาสินค้า และธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศ และสถานการณ์การค้าของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ซึ่งในวันนี้ต้องยอมรับว่า การใช้วิธีการเดิม ๆ นั้น ไม่ทันต่อการปราบปรามและแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย

เดินหน้าเช็กบิล ‘อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ’ ต่อ ทำเศรษฐกิจไทยพัง

โดยปัจจุบันกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปราบปรามการผลิต นำเข้า และจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมายที่ไม่ผ่านมาตรฐาน มอก. อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์  กำหนดรายการสินค้าที่ต้องเฝ้าระวังการลักลอบสวมสิทธิ์เป็นสินค้าไทยเพิ่มเติม

ทั้งนี้จะเร่งปิดช่องโหว่ทางกฎหมายที่เอื้อต่อการสวมสิทธิ์ เพิ่มบทลงโทษแก่ผู้กระทำความผิด ตรวจสอบโรงงานต่างชาติฝ่าฝืนกฎหมาย ตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินทุนจดทะเบียน ทบทวนเงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุนให้มีการจ้างแรงงานไทยและการใช้ปัจจัยการผลิตในประเทศ และยกระดับการติดตามตรวจสอบให้เป็นไปตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา (ตุลาคม 2567- มีนาคม 2568) “ชุดตรวจการสุดซอย” ของกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ปราบปราม “อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ” ซึ่งเป็นการกระทำความผิดหลากหลายรูปแบบ อาทิ โรงงานต่างชาติที่มีลักษณะเข้าข่ายเป็นนอมินี ซึ่งอยู่ในระหว่างการขยายผลร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การลักลอบนำเข้าสินค้าที่ไม่ผ่านมาตรฐานโดยพฤติกรรมผู้กระทำความผิดมีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ และไม่มีตัวตนในประเทศไทย การลักลอบสวมสิทธิ์ผลิตสินค้าที่กำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน และส่งออกโดยอ้างว่าเป็นสินค้าไทย การจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแพลตฟอร์มออนไลน์เชื่อมโยงกับกลุ่มทุนศูนย์เหรียญ โดยยึดอายัดสินค้าไม่ได้มาตรฐานกว่า 692.14 ล้านบาท

เดินหน้าเช็กบิล ‘อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ’ ต่อ ทำเศรษฐกิจไทยพัง

ทางด้าน นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา สมอ. ได้เสนอวาระเร่งด่วนให้บอร์ดพิจารณาแต่งตั้ง “คณะอนุกรรมการศึกษาการเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม" ทำหน้าที่ในการศึกษาการดำเนินการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ด้วยการพัฒนากระบวนการทั้งระบบ ตั้งแต่การกำหนดมาตรฐาน การตรวจสอบรับรอง และการกำกับดูแล

ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและรองรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งจัดทำข้อเสนอแนะและแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมไทย และคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน นอกจากนี้บอร์ดยังได้มีมติเห็นชอบร่างมาตรฐาน จำนวน 46 มาตรฐาน

เดินหน้าเช็กบิล ‘อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ’ ต่อ ทำเศรษฐกิจไทยพัง

โดยแบ่งเป็นสินค้าควบคุม2 มาตรฐาน ได้แก่ เคเบิลเส้นใยนำแสงโทรคมนาคมภายนอกอาคารชนิดแขวนในอากาศรับน้ำหนักตัวเองได้ และ เคเบิลเส้นใยนำแสงชนิด ADSS แขวนตามแนวสายไฟฟ้า และมาตรฐานทั่วไป จำนวน 44 มาตรฐาน เช่น ถุงพลาสติกบรรจุอาหาร ถุงพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับอุ่นในไมโครเวฟ ยานยนต์ที่ใช้บนถนน – ส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ระบบการใช้ก๊าซธรรมชาติอัดเป็นเชื้อเพลิง อนุภาคนาโนกักเก็บสารสกัดใบกระท่อม รหัสอักษรเบรลล์คอมพิวเตอร์สำหรับประเทศไทย เป็นต้น

พร้อมทั้งเห็นชอบรายชื่อมาตรฐานที่ สมอ. จะจัดทำเพิ่มเติมในปี 2568 อีก 160 มาตรฐาน ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร อุตสาหกรรมหุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ และอุตสาหกรรมส่งเสริมผู้ประกอบการ จากเดิมที่บอร์ดอนุมัติรายชื่อมาตรฐานไปแล้ว 611 มาตรฐาน รวมเป็น 771 มาตรฐาน

อย่างไรก็ตามคณะอนุกรรมการฯ ชุดดังกล่าว จะประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถจากหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น และจะเร่งเสนอรายชื่อคณะอนุกรรมการฯ เพื่อให้บอร์ดให้ความเห็นชอบในการประชุมครั้งต่อไป โดยจะนำร่องใน 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ต้องควบคุมกำกับดูแลเป็นพิเศษก่อน เนื่องจากมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศและความปลอดภัยของประชาชนในวงกว้าง ได้แก่ กลุ่มสายไฟ เหล็ก และโครงสร้างเหล็กประกอบสำเร็จ(Prefabrication) ยางล้อ และกลุ่มพลาสติก เพื่อเป็นต้นแบบในการขยายผล ไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ ต่อไป

“นิคมศูนย์เหรียญเป็นวาระสำคัญ กระทรวงอุตสาหกรรมต้องเร่งปราบปราม แก้ไขอย่างเร่งด่วน เป็นโมเดลธุรกิจ ที่เอารัดเอาเปรียบ ไม่ก่อให้เกิดมูลค่า ทำลายสิ่งแวดล้อม ทำร้ายชีวิตคน ทำร้ายธุรกิจไทย ไร้ความรับผิดชอบ ไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง เป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจไทยอย่างร้ายแรง“ เอกนัฏ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

 

related