svasdssvasds

หนี้ครัวเรือน 2567 พุ่ง 16 ล้านล้าน สศช.ชี้คนไทยติดหรู เสี่ยงก่อหนี้เกินตัว

หนี้ครัวเรือน 2567 พุ่ง 16 ล้านล้าน สศช.ชี้คนไทยติดหรู เสี่ยงก่อหนี้เกินตัว

สศช.เผยหนี้สินครัวเรือนล่าสุด ในไตรมาส 4 ปี 2567 แตะ 16.42 ล้านล้านบาท ห่วงคนไทยมีพฤติกรรรมการบริโภคแบบติดหรู กว่าครึ่งมีเงินออมยามฉุกเฉินน้อยกว่า 6 เดือน

วันนี้ (9 มิ.ย. 2568) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผย ภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่ง ปี 2568 ว่า คนไทยมีพฤติกรรรมการบริโภคแบบติดหรู ซึ่งอาจนำไปสู่การก่อหนี้เกินตัวได้ง่าย

จากงานวิจัย ของมหาวิทยาลัยมหิดล ในปี 2567 พบว่า คนไทย 1 ใน 3 นิยมใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าหรู (Luxury) และบริการระดับพรีเมียม อาทิ อาหารเครื่องดื่ม บัตรคอนเสิร์ต บริการเสริมความงาม ของสะสม เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และการยอมรับจากสังคม ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการก่อหนี้เกินตัว 

สาเหตุมาจากความต้องการได้รับการยอมรับและได้แสดงสถานะทางสังคม โดยเพศชายมีความต้องการโดดเด่นที่มากกว่าเพศหญิง ซึ่งสินค้าที่นิยมซื้อแบบติดหรู ได้แก่ อุปกรณ์เทคโนโลยี ขณะที่เพศหญิงนิยมซื้อสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม โดยกว่าร้อยละ 50 มีเงินออม สำหรับยามฉุกเฉินน้อยกว่า 6 เดือน ทำให้มีแนวโน้มเข้าสู่วงจรหนี้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน สะท้อนปัญหาการขาดความรู้ และการวางแผนทางการเงินที่เหมาะสม

ส่วนภาวะหนี้สินครัวเรือนในไตรมาสสี่ ปี 2567 พบว่า หนี้สินครัวเรือนมีมูลค่ารวม 16.42 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 0.2 ชะลอตัวลงต่อเนื่อง 6 ไตรมาสติดต่อกัน จากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ที่ให้สินเชื่อลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ปรับลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 88.4 จากร้อยละ 88.9 ในไตรมาสก่อนหน้า

เมื่อพิจารณาหนี้ครัวเรือนจำแนกตามวัตถุประสงค์การก่อหนี้ ในไตรมาสสี่ ปี 2567 พบว่า สินเชื่อที่ขยายตัวชะลอลง ได้แก่ สินเชื่อเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ ขยายตัวร้อยละ 2.3 จากร้อยละ 2.5 ในไตรมาสก่อน ตามกำลังซื้อที่ลดลง เช่นเดียวกับสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 3.9 และ 1.4 จากเดิมที่ไตรมาสก่อนขยายตัวร้อยละ 4.6 และ 4.0 ตามลำดับ

 

ด้านคุณภาพสินเชื่อของครัวเรือนปรับลดลง โดยมูลค่าสินเชื่อส่วนบุคคลที่ค้างชำระเกิน 90 วันขึ้นไป (NPLs) ในฐานข้อมูลเครดิตบูโร มีจำนวน 1.22 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ร้อยละ 8.94 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8.78 ของไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่สินเชื่อค้างชำระระหว่าง 30 – 90 วัน (SMLs) มีมูลค่า 5.68 แสนล้านบาท ลดลงร้อยละ 6.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

related