svasdssvasds

JBC สงครามสื่อสาร? กัมพูชาชิงแถลง ไทยผิดหวังปิดประตูเจรจาสันติ 4 พื้นที่

JBC สงครามสื่อสาร? กัมพูชาชิงแถลง ไทยผิดหวังปิดประตูเจรจาสันติ 4 พื้นที่

กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU 43 กต.ตอกกลับยืนยันวง JBC ไม่มีหารือฟ้องศาลโลก รวมถึงไม่ได้ตกลงเรื่องใช้แผนที่ 1 : 200,000

ภายในไม่กี่นาทีหลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม (JBC) จบ ฝ่ายกัมพูชาแถลงเพื่อแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียว และนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคตกัมพูชาปล่อยแถลงการณ์

แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ

โดยเพจเฟซบุ๊กเพจ Khmer Times ได้เผยแพร่เอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม (JBC) ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชากับฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย

ตามข่าวประชาสัมพันธ์การประชุม นายฬำ ฝ่ายกัมพูชา กล่าวว่า นอกเหนือจาก 4 พื้นที่ที่อยู่ระหว่างข้อพิพาทกับศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) แล้ว ฝ่ายกัมพูชายังคงยืนหยัดในจุดยืนและความปรารถนาดีในการให้ความร่วมมือกับฝ่ายไทยในการส่งเสริมการวัดเส้นเขตแดนและการกำหนดแนวเขตแดนโดยใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC)

JBC สงครามสื่อสาร? กัมพูชาชิงแถลง ไทยผิดหวังปิดประตูเจรจาสันติ 4 พื้นที่

นายฬำได้ย้ำถึงนโยบายของรัฐบาลกัมพูชาในการยึดมั่นในสันติภาพและแสวงหาพรมแดนแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือที่ดีกับฝ่ายไทย โดยยึดตามเอกสารกฎหมายและแผนที่ที่ตกลงกันตามที่ระบุไว้ในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะใช้แผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ตามเจตนารมณ์ของอนุสัญญาฝรั่งเศส-สยาม ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยาม ค.ศ. 1907 เพื่อดำเนินการรังวัดและปักปันเขตแดน
 

ในแง่นี้ ฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธอย่างเด็ดขาดที่จะยอมรับแผนที่ที่ฝ่ายไทยได้ร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงซึ่งเป็นแหล่งที่มาหลักของข้อพิพาทด้านพรมแดนเรื้อรังในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต

กต.ตอกกลับแถลงกัมพูชา ยืนยันวง JBC ไม่ได้ตกลงเรื่องใช้แผนที่ 1 : 200,000

จนเวลาผ่านไปกว่า 6 ชั่วโมง ทางฝั่งไทยจึงได้มีแถลงการณ์ 2 ฉบับ จากกระทรวงการต่างประเทศ โดยระบุว่า ตามที่เกิดความเข้าใจผิดในวงกว้างในขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจงและยืนยันว่า การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย - กัมพูชา (Joint Boundary Commission: JBC) ครั้งที่ 6 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-15 มิถุนายน 2568 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อบ่ายวันนี้ (15 มิถุนายน 2568) มิได้มีการหารือในประเด็นที่กัมพูชาจะนำพื้นที่ 4 จุด เข้าสู่การพิจารณาของ International Court of Justice (ICJ) โดยมิได้มีการหารือประเด็นแผนที่ 1:200,000 คณะกรรมการปักปันสยาม - อินโดจีน ตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างแต่อย่างใด

  กต.ตอกกลับแถลงกัมพูชา ยืนยันวง JBC ไม่ได้ตกลงเรื่องใช้แผนที่ 1 : 200,000

 

การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งแรกในรอบ 13 ปี หลังจากการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อปี 2555 ที่กรุงเทพฯ ทั้งสองฝ่ายร่วมกันหารืออย่างกว้างขวางซึ่งในประเด็นการดำเนินงานด้านเทคนิคภายใต้กรอบกลไก JBC นำไปสู่ความคืบหน้าสำคัญ ได้แก่

  1. รับรองผลการประชุมคณะอนุกรรมาธิการร่วมไทย - กัมพูชา (Joint Technical Sub-Committee (JTSC)) ครั้งที่ 4 (14 กรกฎาคม 2567) ณ เมืองเสียมราฐ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันต่อตำแหน่งที่ตั้งของหลักเขตถึง 45 หลัก และเห็นชอบให้นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศเพื่อความรวดเร็วในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน
  2. เห็นชอบให้มีการแก้ไขแผนแม่บทว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งจัดทำขึ้นเมื่อปี 2546 (TOR 2003) เพื่อนำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ
  3. เห็นชอบการส่งชุดสำรวจร่วมไปลงสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในพื้นที่ระหว่างหลักเขตแดนที่ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นตรงกันในพื้นที่ที่ใช้ลำน้ำ หรือเส้นตรงเป็นเส้นเขตแดน โดยมอบหมายให้ JTSC ไปหารือและจัดทำข้อกำหนดทางเทคนิค (Technical Instruction: TI) ร่วมกันต่อไป
  4. เห็นชอบให้มีการจัดทำข้อกำหนดทางเทคนิคการเดินสำรวจในพื้นที่ตอนที่ 6 (จากเขาสัตตะโสม จนถึงหลักเขตแดนที่ 1 ช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ) ซึ่งเป็นประเด็นคงค้างมาตั้งแต่ปี 2554 โดยมอบหมาย JTSC จัดทำข้อกำหนดทางเทคนิคการเดินสำรวจ ไปพร้อม ๆ กับการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศเพื่อเสนอต่อ JBC ต่อไป

ไทยผิดหวังกัมพูชาปิดประตูเจรจาสันติ 4 พื้นที่

ฝ่ายไทยแสดงความผิดหวังเป็นอย่างยิ่งต่อการที่ฝ่ายกัมพูชายังไม่ยอมร่วมมือกับไทยในการแก้ไขปัญหาเฉพาะและลดความตึงเครียดระหว่างกัน แต่ยังเดินหน้านำเรื่องพื้นที่ 4 จุด (พื้นที่ช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย) ไปสู่การพิจารณาของ ICJ ซึ่งสะท้อนว่าฝ่ายกัมพูชาขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีต่างๆ ที่มีอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี

ในการนี้ ประธานฝ่ายไทยได้ย้ำท่าทีไทยตอบโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา (ซึ่งได้บันทึกแนบไว้ในเอกสารผลลัพธ์ Agreed Minutes ของการประชุมครั้งนี้) ดังนี้

  1. การดำเนินการของไทยเป็นไปโดยความจำเป็นตามหลักการป้องกันตัวจากการที่ถูกฝ่ายกัมพูชาโจมตีก่อน และเป็นไปอย่างเหมาะสมและได้สัดส่วนตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
  2. ไทยแสดงความผิดหวังที่ฝ่ายกัมพูชาเลือกที่จะปิดประตูการเจรจาอย่างสันติใน 4 พื้นที่ โดยท่าทีของรัฐบาลไทยมาโดยตลอด ได้เน้นความสำคัญของการแก้ไขปัญหาระหว่างกันแบบทวิภาคี และบทบาทที่สำคัญของ JBC ในการทำให้มีเขตแดนชัดเจนระหว่างกัน เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนทั้งสองฝ่าย
  3. ไทยย้ำถึงความสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องยึดมั่น MOU 2543 (ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้เห็นชอบร่วมกับไทย) โดยไม่ดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของเขตแดน ไม่รุกล้ำเขตแดนระหว่างกัน และทั้งสองฝ่ายจะต้องใช้ความอดกลั้นเพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย
  4. ทั้งสองฝ่ายจะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่จะนำไปสู่ความเข้าใจผิดและขัดแย้งในวงกว้าง และย้ำถึงความสำคัญของการใช้กลไกความร่วมมือทวิภาคีอื่น ๆ ในการช่วยแก้ปัญหาด้วย เช่น GBC, RBC การประชุมผู้ว่าจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา เพื่อให้แนวชายแดนมีความสงบเป็นปกติ และอำนวยความสะดวกการเดินทางของคนและขนส่งสินค้า ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธที่จะหารือในประเด็นนี้

ทั้งนี้การประชุมมิได้มีการหารือในประเด็นที่กัมพูชาจะนำพื้นที่ 4 จุด เข้าสู่การพิจารณาของ ICJ และมิได้มีการหารือประเด็นแผนที่ 1:200000 คณะกรรมการปักปันสยาม - อินโดจีน ตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างแต่อย่างใด การประชุมในครั้งนี้เป็นการหารือในประเด็นเทคนิคในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ 2 ของการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนตามแผนแม่บทฯ

ฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา สมัยพิเศษ ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเดือนกันยายน 2568

รองมทภ.2 เปรียบกัมพูชาเป็นเด็กแตกเนื้อหนุ่ม ไม่ฟังใคร

ด้านพลตรีณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 วิเคราะห์หลังการประชุม JBC ในหัวข้อ “หมายเหตุ…” โดยเนื้อหาระบุว่า

   1. รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และราชอาณาจักรกัมพูชา เชื่อว่าการปักปันเขตแดนทางบกระหว่างราชอาณาจักรทั้งสอง จะช่วยระงับความขัดแย้งตามชายแดนที่เกิดจากปัญหาเขตแดน และจะกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตรที่มีอยู่ระหว่างประเทศทั้งสองให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และเอื้ออำนวยต่อความร่วมมือของประชาชนของประเทศทั้งสอง

หมายเหตุ : เจตนาที่ดี?

   2. ด้วยปรารถนาที่ดีของทั้งสองประเทศ จึงได้จัดตั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ขึ้นในปี พ.ศ.2540 เพื่อเป็นกลไกหลักในการเจรจาการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกไทย-กัมพูชา

หมายเหตุ : ตามหลักสากลและประเทศที่เจริญทางความคิด?

   3. ต่อมาได้จัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลทั้งสอง ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกในปี พ.ศ.2543 (MOU43) เพื่อเป็นกรอบ และกลไกในการปฏิบัติงานของทั้งสองฝ่าย มีอำนาจหน้าที่ในข้อ 3(1)(จ) ระบุว่า “จัดทำแผนที่แสดงเส้นเขตแดนทางบกที่ได้สำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกแล้ว”

หมายเหตุ : ถ้าตีความก็คงหมายถึง ให้ได้แผนที่ใหม่และหลักเขตแดนทางบกที่ลากตามสันปันน้ำที่ถูกต้องตามที่ระบุในสนธิสัญญา อนุสัญญา ที่เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย?

   4. MOU43 ข้อ 5 ระบุว่า “เพื่ออำนวยความสะดวกให้การสำรวจตลอดแนวเขตแดนทางบกร่วมกันเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล ทั้งสองฝ่ายจะงดเว้นการดำเนินการใดๆที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของพื้นที่ชายแดน”

หมายเหตุ : ตั้งแต่มี MOU43 ฝ่ายกัมพูชาละเมิดโดยสร้างกาสิโน สร้างอาคารสิ่งปลูกสร้าง ตัดเส้นทาง ปลูกพืชไร่ กว่า 600 ครั้ง ฝ่ายไทยประท้วงให้แก้ไขแต่ได้รับความร่วมมือน้อยมาก ล่าสุดเผาศาลาตรีมุข นำกำลังเข้าขุดคูเลทล้ำอธิปไตยของไทย เราเจรจาก็ไม่ยอมถอนนำมาซึ่งการปะทะ ทัายสุดกดดันทุกทางกว่าจะถอนกำลังออกไป เพื่อนบ้านที่ดีควรทำหรือไม่?

5. MOU43 ข้อ 8 ระบุว่า “ให้ระงับข้อพิพาทใดๆที่เกิดขึ้นจากการตีความหรือการบังคับใช้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้โดยสันติวิธีด้วยการปรึกษาหารือและการเจรจา”

หมายเหตุ : คุยกันดีๆ แล้วทำไมต้องฟ้องศาลโลก?

เป็นเด็กที่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่ม บอกกล่าวก็ดื้อด้าน ไม่ต้องมีข้อตกลงใดๆดีไหม เอาให้เละก่อนโต

ที่มา : กระทรวงการต่างประเทศ  , Mammoth S Nutt

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related