svasdssvasds

นิวเคลียร์ ไม่ใช่แค่ “อาวุธ” สัญลักษณ์ความไม่ไว้วางใจระหว่างรัฐ

นิวเคลียร์ ไม่ใช่แค่ “อาวุธ” สัญลักษณ์ความไม่ไว้วางใจระหว่างรัฐ

บนเส้นความขัดแย้งและสงครามที่อาจเกิดขึ้นที่ไหนในโลกก็ได้ ระเบิดนิวเคลียร์ไม่ใช่แค่ “อาวุธ” แต่คือ “เดิมพันระดับโลก” - สัญลักษณ์ความไม่ไว้วางใจระหว่างรัฐ

ปัญหานิวเคลียร์ ในโลกที่ร้อนแรงขึ้นทุกวัน 
ปัญหาอาวุธนิวเคลียร์ไม่ใช่แค่เรื่องของ “มีหรือไม่มี” แต่คือการต่อสู้ของความไว้ใจบนเวทีระหว่างประเทศ ในโลกที่ประเทศหนึ่งพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ลับ อีกประเทศสะสมหัวรบ อีกประเทศประกาศถอนตัวจากสนธิสัญญาโดยไม่แคร์ใคร — ความมั่นคงของมนุษยชาติทั้งใบจึงสั่นคลอน

สนธิสัญญา NPT (ไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์) และ IAEA (องค์กรเฝ้าระวังนิวเคลียร์ของ UN) ถูกวางให้เป็น “ด่านแรก” ป้องกันวิกฤต แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงอาจต่างไปจากนั้นมาก...

หากจะขยายความเพิ่มเติม , สนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT) เป็นสนธิสัญญาพื้นฐานที่มีเป้าหมายเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของอาวุธนิวเคลียร์ ส่งเสริมการใช้พลังงานนิวเคลียร์อย่างสันติ และบรรลุเป้าหมายการลดอาวุธนิวเคลียร์ 

ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2500 ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานเฝ้าระวังนิวเคลียร์ระดับโลก หน้าที่ของทบวงฯ รวมถึงการใช้มาตรการป้องกันนิวเคลียร์ ซึ่งประกอบด้วยการเฝ้าระวัง การตรวจสอบ การวิเคราะห์ข้อมูล และกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อตรวจสอบว่ากิจกรรมทางนิวเคลียร์ยังคงเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ทางสันติ และตรวจจับและยับยั้งการนำไปใช้ในวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ  IAEA ดำเนินการตามข้อตกลงการป้องกันที่ครอบคลุมซึ่งกำหนดโดย NPT ซึ่งทำหน้าที่เป็น "แนวป้องกันแรก" ต่อการแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ 6 ประเภทของรัฐที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ IAEA รวมถึงรัฐที่มี "ข้อตกลงการป้องกันที่ครอบคลุม" (รัฐที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ภายใต้ NPT) "ข้อตกลงเสนอโดยสมัครใจ" (รัฐที่มีอาวุธนิวเคลียร์ดั้งเดิม) และ "ข้อตกลงเฉพาะรายการ" (ประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ที่ไม่ได้เป็นภาคีของ NPT เช่น อินเดีย อิสราเอล และปากีสถาน) 

นิวเคลียร์ ไม่ใช่แค่ “อาวุธ” สัญลักษณ์ความไม่ไว้วางใจระหว่างรัฐ Credit ภาพ AFP

 

ใครบ้างที่ถูกมองเป็น “ผู้ร้าย” ระเบียบโลกนิวเคลียร์ ?

1. อินเดีย – เดินนอกเกมแต่กลับได้แต้ม
ไม่เคยเซ็น NPT แต่มีหัวรบนิวเคลียร์กว่า 170 หัว
ถูกคว่ำบาตรหลังการทดสอบปี 1998 แต่กลับได้ข้อตกลงนิวเคลียร์พลเรือนกับสหรัฐฯ ในปี 2008
กลายเป็นแบบอย่างของ “การไม่ทำตามกติกา แต่ได้รับการยอมรับ”

2. ปากีสถาน – ตอบโต้ด้วยระเบิด
ไม่ร่วม NPT เช่นกัน ตอบสนองอินเดียด้วยการทดสอบนิวเคลียร์ปีเดียวกัน (1998)
พัวพันเครือข่ายลับ A.Q. Khan ขายเทคโนโลยีให้รัฐอื่น
กลับถูกสหรัฐฯ ลดคว่ำบาตรหลัง 9/11 เพื่อร่วมรบกับกลุ่มก่อการร้าย

3. อิสราเอล – นโยบาย “คลุมเครืออย่างตั้งใจ”
ไม่เคยยอมรับหรือปฏิเสธว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ ถูกมองว่าเป็นรัฐเดียวในตะวันออกกลางที่มีหัวรบนิวเคลียร์ (ราว 90 หัว) พร้อมโจมตีเชิงรุกต่อภัยคุกคาม เช่น อิรัก (1981), ซีเรีย (2007), อิหร่าน (ในอนาคต?)

เกาหลีเหนือ – ตัวอย่างคลาสสิกของการ “ท้าทายกติกาโลก” 
เข้าร่วม NPT แล้วถอนตัวในปี 2003

ทดสอบอาวุธซ้ำแล้วซ้ำเล่าแม้จะถูกคว่ำบาตรอย่างหนัก

ใช้ไซเบอร์และเครือข่ายผิดกฎหมายสร้างคลังแสงของตัวเองได้สำเร็จ

การคว่ำบาตรเพียงอย่างเดียวไม่สามารถหยุดรัฐที่ตั้งใจแน่วแน่ได้

รัฐที่ยังอยู่ใน NPT… แต่ก็มีพฤติกรรม “ไม่น่าไว้ใจ” 

1. อิหร่าน – จากข้อตกลงสู่การฝ่าฝืน
เคยยอมจำกัดยูเรเนียมที่ 3.67% ใน JCPOA (2015) แลกการยกเลิกคว่ำบาตร
สหรัฐฯ ถอนตัว (2018) อิหร่านจึงเดินหน้าขัดข้อตกลงเต็มที่ เสริมยูเรเนียมถึง 60%
ปฏิเสธแบบจำลองลิเบียและใช้โครงการนิวเคลียร์เป็นเครื่องต่อรองทางการทูต

2. อิรัก, ซีเรีย, ลิเบีย – ตัวอย่างในอดีต
อิรัก ถูกรื้อถอนหลังสงครามอ่าว (1991) – ไม่พบอาวุธจริงตอนถูกบุก (2003)
ซีเรีย ถูกอิสราเอลถล่มเครื่องปฏิกรณ์ที่ Al-Kibar (2007)
ลิเบีย สละโครงการเอง (2003) แต่ต่อมากัดดาฟีถูกโค่น อิหร่านเลยไม่เอาอย่าง

IAEA – ยามเฝ้านิวเคลียร์ที่บางครั้งถูก “ปิดตา”

IAEA มีภารกิจหลักคือเฝ้าระวัง-ตรวจสอบ-วิเคราะห์เพื่อให้มั่นใจว่าประเทศต่าง ๆ ใช้นิวเคลียร์เพื่อสันติ แต่กรณีอิหร่านแสดงให้เห็นว่า:

เมื่อรัฐจำกัดการเข้าถึง / ถอดกล้อง / ปฏิเสธคำอธิบาย

ความไม่ไว้ใจจะนำไปสู่การประณาม การคว่ำบาตร และความตึงเครียดที่ยิ่งลุกลาม

ประเทศใดมี อาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง 

องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการควบคุมและกำกับดูแลการครอบครองอาวุธ Arms Control ระบุว่า การครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ของหลายประเทศเป็นการสะสมหัวรบนิวเคลียร์ซึ่งสามารถนำไปบรรจุในขีปนาวุธนำวิถีประเภทต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นพิสัยใกล้ ระยะกลาง หรือระยะไกล 

9 ประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง คือ

  • สหรัฐอเมริกา 5,748 ลูก
  • รัสเซีย 5,580 ลูก
  • จีน 500 ลูก
  • ฝรั่งเศส 290 ลูก
  • สหราชอาณาจักร 225 ลูก
  • อินเดีย 172 ลูก
  • ปากีสถาน 170 ลูก
  • อิสราเอล 90 ลูก
  • เกาหลีเหนือ 50 ลูก

บางประเทศ เช่น อิหร่าน ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีโครงการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ แต่ทางการอิหร่านไม่ยอมให้ตัวแทนขององค์กรกำกับดูแลด้านนิวเคลียร์เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง จึงไม่อาจระบุได้ว่าการทดลองด้านอาวุธในอิหร่านถูกพัฒนาไปมากน้อยเพียงไร

นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์มีเป้าหมายเพื่อแสดงบารมีและสร้างอำนาจต่อรองทางการทหารเท่านั้น ไม่น่าจะมีประเทศไหนในโลกอยากใช้อาวุธนิวเคลียร์จริงๆ เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นร้ายแรงและอาจเข้าข่ายก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และเมื่อมีชาติหนึ่งเริ่มยิง ชาติที่สองและสามก็อาจเริ่มยิงตอบโต้เป็นมหาสงคราม แต่ประเทศผู้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ก็ไม่เคยหยุดพัฒนาเทคโนโลยีด้านอาวุธลงเลย ทำให้ภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์เป็นสิ่งที่ทั่วโลกต้องจับตามองต่อไป

วังวนอันตราย: ยิ่งโจมตี ยิ่งกระตุ้นให้ “อีกฝ่ายสร้างระเบิด” 

อิสราเอลอ้างเหตุผล “ปกป้องการดำรงอยู่” ในการโจมตี
แต่อิหร่านหรือเกาหลีเหนือ อาจมองว่าต้องมี “ระเบิด” ไว้ยับยั้ง

วงจร “ภัยคุกคาม → พัฒนาอาวุธ → โจมตีเชิงรุก” ทำให้ภูมิภาคไม่ปลอดภัยขึ้น

ที่มา : armscontrol

related