SHORT CUT
ส่วนกัมพูชาส่งออก 6 ล้านตัน จุดแข็งของกัมพูชา ได้สิทธิพิเศษทางภาษีจากสหภาพยุโรป
ส่วนไทย ปี 2567 ไทยส่งออกข้าวปริมาณ 9.95 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 13% นำรายได้เข้าประเทศสูงถึง 225,656ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% หรือประมาณ 6,434 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำรวจสินค้าไทย-กัมพูชา ที่เป็นคู่แข่งกันในตลาดโลก ‘ข้าว’ คือที่1ในตลาดโลก ปี’67 ไทยส่งออก 9.95 ล้านตัน ส่วนกัมพูชาส่งออก 6 ล้านตัน
ปมความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ในพื้นที่พิพาท 4 จุด ยังไม่มีท่าทีที่จะหาบทสรุปและตกลงร่วมกันกันได้ หากมองในแง่ของความใกล้ชิดกันไทยกับกัมพูชามีหลายๆอย่างที่คล้ายคลึงกัน เช่นในเรื่องของอากาศ ลักษณะภูมิประเทศ รวมถึงการทำการเกษตรที่ไม่ต่างกันมากนัก สินค้าเกษตรที่ส่งออกไปในตลาดโลกที่สำคัญของทั้ง 2 ประเทศ คือ ข้าว ซึ่งกัมพูชาเป็นผู้ส่งออกข้าวหอม เช่น Phka Rumduol ซึ่งมีลักษณะคล้ายข้าวหอมมะลิของไทย ส่วนตลาดที่แข่งขันกันดุเดือด คือ จีน, สหภาพยุโรป, แอฟริกา
ทั้งนี้จุดแข็งของกัมพูชา ได้สิทธิพิเศษทางภาษีจากสหภาพยุโรป (EBA - Everything But Arms) สมาพันธ์ข้าวกัมพูชา ระบุว่า การส่งออกข้าวของกัมพูชามีจุดแข็งหลายประการ เช่น
อย่างไรก็ตามความท้าทายในการส่งออกข้าวของกัมพูชา คือ การขาดแคลนโรงสีและไซโล การจัดการระบบโลจิสติกส์ และค่าใช้จ่ายในการขนส่ง แต่จุดแข็งข้างต้นก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้การส่งออกข้าวของกัมพูชาเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการส่งออกข้าวไทย www.thaigov.go.th รายงานว่าปี 2567 ไทยส่งออกข้าวปริมาณ 9.95 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 13% นำรายได้เข้าประเทศสูงถึง 225,656ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% หรือประมาณ 6,434 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปริมาณการส่งออกข้าวทั้งปี 2567สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 9 ล้านตัน และเป็นปริมาณส่งออกข้าวไทยที่สูงที่สุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ปี 2561 ผลมาจากความต้องการนำเข้าข้าวเพื่อรองรับความต้องการบริโภค ชดเชยผลผลิตที่ลดลงบรรเทาผลกระทบจากเงินเฟ้อด้านอาหาร และเพื่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศผู้ซื้อ
สำหรับข้าวที่ไทยส่งออกได้มากที่สุด คือ ข้าวขาวปริมาณ 5.99 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 23% คิดเป็น 60% ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด รองลงมา คือ ข้าวหอมมะลิไทย 1.74 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 3.57% ข้าวนึ่ง 1.27 ล้านตัน ลดลง 7.97% ข้าวหอมไทย 0.63 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 21.15% ข้าวเหนียว 0.30 ล้านตัน และข้าวกล้อง 0.02 ล้านตัน ส่วนแนวโน้มการส่งออกข้าวปี 2568 คาดคาดการณ์การส่งออกข้าวไทยจะมีประมาณ 7.5 ล้านตัน
ส่วนใครที่อยากทราบว่าข้าวไทยมีจุดแข็งอย่างไร คำตอบคือ
ทั้งหมดจะเห็นได้ว่าข้าวของทั้ง 2 ประเทศมีจุดอ่อน จุดแข็ง ที่แตกต่างกันออกไป แต่โจทย์ใหญ่ในวันนี้คือ ลูกค้าจะชื่นชอบของประเทศไหนมากกว่ากัน และต้นทุนการผลิตประเทศไหนจะต่ำกว่ากัน!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวดี! ผลหารือผู้นำ 3 ชาติ อินโดฯ สั่งข้าวไทย 2 ล้านตัน - สนใจ “แลนด์บริดจ์”
ดับฝันส่งออกข้าวไทยร่วงลงอันดับ4ของโลก ! คู่แข่งมาแรงแซงทางโค้ง