เปิดรายละเอียดประกาศกระทรวงสาธารณสุข ควบคุม 'กัญชา' ไม่เสรีอีกต่อไป เน้นใช้ทางการแพทย์เท่านั้น! และห้ามจำหน่ายหากไม่มีใบอนุญาต กระทบอุตสาหกรรมใดบ้าง
ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ 2565 ที่ได้มีการเปิดใช้นโยบาย “กัญชาเสรี” จนถึงปัจจุบัน เรามักจะได้ข่าวเกี่ยวกับการนำกัญชามาใช้เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดอยู่เสมอ ซึ่งส่งผลกระทบให้ การใช้กัญชาในการสันทนาการเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
จากปัญหาที่เกิดขึ้นพบว่ามีการใช้กัญชาในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่อคลายเครียดหรือเพื่อความสนุกสนาน ซึ่งการนำกัญชาไปใช้เพื่อสันทนาการนั้นเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 10 เท่าตัว อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นคือการใช้กัญชาเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนด ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพทั้งทางกายและจิตใจในผู้ใช้หลายราย
กฎหมายยังมีช่องโหว่และขาดการคุมเข้ม จนทำให้เกิดการใช้กัญชาอย่างเสรีเกินกว่าที่กำหนด ไม่ว่าจะเป็นการปลูก การขาย หรือการบริโภค
ล่าสุดนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้สัมภาษณ์ว่า กัญชาควรกลับไปเป็นยาเสพติดเพราะวันนี้ยังมีอะไรที่พะรุงพะรังอยู่กับการดำเนินการที่ผ่านมาในอดีต เช่น การประกาศให้เป็นสมุนไพรควบคุมตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ซึ่งนำไปสู่การอนุญาตให้ตั้งร้านจำหน่ายกัญชาและการเก็บเกี่ยวแต่ไม่มีการพูดถึงการดำเนินการทางการแพทย์อย่างชัดเจน
โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและที่ปรึกษาได้หารือกันโดยดำเนินการตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา และสั่งการให้กัญชาต้องใช้เพื่อการแพทย์เท่านั้น โดยได้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนระหว่างวันที่ 22 พฤษภาคมถึงวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมาและได้รับเสียงตอบรับที่ดี ประชาชนยอมรับแนวทางการดำเนินการของรัฐบาล และล่าสุดเมื่อวันที่ 23 มิถุนายที่ผ่านมาได้ลงนามประกาศให้กัญชาใช้เพื่อการแพทย์เท่านั้นและผู้ที่จะซื้อต้องมีใบสั่งแพทย์หรือใบรับรองแพทย์เท่านั้น
ย้อนไปก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ได้มีการลงนาม ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) ปี 2568 โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข มีใจความสำคัญได้แก่ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเมื่อปี 2565 และให้กัญชาเฉพาะส่วนของช่อดอกเป็นสมุนไพรควบคุม
หากมีใครอยากที่จะศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปต้องได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 46 และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข เช่น ต้องรายงานข้อมูลตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด หรือหากอยากจะจำหน่ายต้องมีใบอนุญาตตามมาตรา 46 ท่านั้น และการจำหน่ายต้องมาจากแหล่งที่ได้รับมาตรฐานการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวที่ดีจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
นอกจากนี้ ยังระบุห้ามจำหน่ายในสถานที่ประกอบการ เว้นแต่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามกฎหมาย ห้ามจำหน่ายหรือแปรรูปเพื่อการค้าในตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติหรือผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ห้ามโฆษณา และห้ามจำหน่ายตามสถานที่ต่างๆ อาทิ วัด หอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ สวนสนุก เป็นต้น
สำหรับอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบมากหากกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง เห็นจะเป็นผู้ประกอบการเกี่ยวกับ “ร้านขายกัญชาและขายอุปกรณ์เกี่ยวกับกัญชา” เนื่องจากการเปิดร้านและซื้อขายเช่นนี้จะกลายเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ร้านจำหน่ายกัญชาที่ผิดกฎหมายจะถูกกวาดล้าง
อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมีหลายกลุ่ม โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการปลูก ผลิต และจำหน่าย รวมถึงบริการที่พึ่งพากัญชาเป็นจุดขาย
อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพทางเลือก
ธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่มที่ผสมกัญชา
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
ธุรกิจปลูก และแปรรูปกัญชา