svasdssvasds

"เจรจาภาษีสหรัฐ" ไทยต้องยอม 0% แค่ไหน ถึงไม่เสียเปรียบ

"เจรจาภาษีสหรัฐ" ไทยต้องยอม 0% แค่ไหน ถึงไม่เสียเปรียบ

ไทยเผชิญแรงกดดันลดภาษีสินค้าสหรัฐฯ ส.อ.ท. ยันยอมได้แค่บางรายการ "ยา" ผ่าน "เคมีภัณฑ์" ไม่! ความท้าทายนี้ต้องร่วมมือทั้งรัฐ-เอกชน สร้างห่วงโซ่อุปทานแกร่งเพื่อสมดุลการค้าโลก

SHORT CUT

  • ประเทศไทยกำลังถูกกดดันจากนโยบายภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐฯ ซึ่งเคยใช้กับอินโดนีเซียและเวียดนามจนต้องยอมลดภาษีนำเข้าเหลือ 0% มาแล้ว และไทยอาจเป็นเป้าหมายต่อไปเนื่องจากเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูง
  • ภาคเอกชนไทยโดยสภาอุตสาหกรรมฯ (ส.อ.ท.) เสนอจุดยืนว่า ไทยสามารถพิจารณาลดภาษีนำเข้าให้สหรัฐฯ เหลือ 0% ได้ แต่ต้องเป็นเพียง "บางรายการสินค้าเท่านั้น" ไม่ใช่ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ
  • สินค้าที่ไทยอาจยอมลดภาษีให้คือ "ยา" เนื่องจากสหรัฐฯ มีคุณภาพการผลิตสูงและอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค แต่คัดค้านการลดภาษี "เคมีภัณฑ์" เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศและรักษามาตรฐานสินค้า "Made in Thailand"

ไทยเผชิญแรงกดดันลดภาษีสินค้าสหรัฐฯ ส.อ.ท. ยันยอมได้แค่บางรายการ "ยา" ผ่าน "เคมีภัณฑ์" ไม่! ความท้าทายนี้ต้องร่วมมือทั้งรัฐ-เอกชน สร้างห่วงโซ่อุปทานแกร่งเพื่อสมดุลการค้าโลก

สถานการณ์การค้าโลกกำลังผันผวนอย่างหนัก โดยมีต้นตอสำคัญมาจากนโยบาย Reciprocal Tariffs (มาตรการภาษีตอบโต้) ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งสร้างแรงกดดันอย่างมากต่อประเทศคู่ค้า ล่าสุดประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียและเวียดนาม ต่างต้องยอมลดภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ลงเหลือ 0% แล้ว ทำให้ภาคเอกชนไทย โดยเฉพาะสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ออกมาแสดงความกังวลว่าประเทศไทยอาจถูกกดดันให้ต้องดำเนินการในลักษณะเดียวกัน

Reciprocal Tariffs คืออะไร?

Reciprocal Tariffs หรือมาตรการภาษีตอบโต้ เป็นนโยบายที่สหรัฐฯ ใช้เพื่อบีบให้ประเทศคู่ค้าลดกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ หากประเทศนั้นๆ มีการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สหรัฐฯ ต้องการให้เกิดความเท่าเทียมกันในการเก็บภาษีนำเข้า หากประเทศใดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ สูง สหรัฐฯ ก็จะตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศนั้นๆ สูงเช่นกัน จนกว่าจะมีการปรับลดภาษีให้เท่าเทียมกัน

แม้ว่าประเทศไทยจะมียอด เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูงถึง 45,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก และอาจเป็นเป้าหมายต่อไปของมาตรการ Reciprocal Tariffs ของสหรัฐฯ ยิ่งไปกว่านั้น การที่อินโดนีเซียและเวียดนามได้ยอมลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ลงเหลือ 0% แล้ว ยิ่งเพิ่มความกังวลว่าไทยจะถูกกดดันให้ต้องปฏิบัติตาม เพื่อรักษาสถานะทางการค้ากับสหรัฐฯ

จุดยืน ส.อ.ท. ไทยยอมลดภาษีให้สหรัฐฯ ได้แค่บางรายการ

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ออกมาประกาศจุดยืนที่ชัดเจนในฐานะตัวแทนภาคเอกชนไทย โดยระบุว่า ไทยสามารถพิจารณาลดภาษีนำเข้าเหลือ 0% ให้กับสหรัฐฯ ได้ แต่ "เฉพาะบางรายการสินค้าเท่านั้น"

ยอมลดภาษี "ยา" แต่ค้าน "เคมีภัณฑ์"

ส.อ.ท. ชี้แจงว่า สินค้าบางประเภทที่ไทยสามารถยอมลดภาษีเป็น 0% ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยา เนื่องจากสหรัฐฯ มีความสามารถในการผลิตยาคุณภาพสูงอยู่แล้ว และการลดภาษีนำเข้ายาอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคในไทย

“Made in Thailand” จะไม่ถูกฉวยโอกาส

ในสถานการณ์การค้าโลกที่ผันผวน การปกป้องและเสริมสร้างความได้เปรียบของสินค้า “Made in Thailand” กลายเป็นความท้าทายที่สำคัญอย่างยิ่ง สิ่งนี้ต้องการความร่วมมืออย่างเข้มแข็งจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสและรักษามาตรฐานของสินค้าไทย

การป้องกันการฉวยโอกาส หมายถึงการป้องกันไม่ให้ผู้อื่นนำชื่อเสียงและคุณภาพของสินค้า "Made in Thailand" ไปใช้ในทางที่ผิด หรือผลิตสินค้าด้อยคุณภาพแล้วแอบอ้างว่าเป็นสินค้าไทย ซึ่งจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของสินค้าไทยในตลาดโลกในระยะยาว

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายทางการค้าที่ซับซ้อนกว่าแค่เรื่อง ภาษีนำเข้า เพราะสถานการณ์ที่ต้องเผชิญคือการ สร้างความแข็งแกร่งและโปร่งใสให้กับห่วงโซ่อุปทานการผลิตของไทยทั้งหมด เพื่อให้สินค้า "Made in Thailand" ยังคงเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก และที่สำคัญคือ รักษาความสมดุลทางการค้ากับทุกประเทศ ไม่เอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

related