SHORT CUT
การปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชา อาจเรียกได้ว่าเป็นทดสอบต่ออิทธิพลของสหรัฐฯ และจีนที่เพิ่มมากขึ้นในเอเชีย
โซฟาล เอียร์ ผู้เชี่ยวชาญระดับภูมิภาคและรองศาสตราจารย์จาก Thunderbird School of Management ของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแอริโซนา วิเคราะห์ว่า วิกฤติความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาครั้งนี้ ถือเป็นการทดสอบอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาและจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับสหรัฐอเมริกา ประเทศไทยเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาสถานะทางทหารและการทูตของสหรัฐฯ ในภูมิภาค
สำหรับจีน กัมพูชามีบทบาทสำคัญในความทะเยอทะยานระดับภูมิภาคภายใต้โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง และเป็นฐานที่มั่นทางยุทธศาสตร์ แต่พวกเขายังคงรักษาความเป็นกลางในการรักษาและพัฒนาความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับไทยอีกด้วย
เอียร์วิเคราะห์ว่า การต่อสู้อันดุเดือดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังถือเป็นการทดสอบอิทธิพลของสหรัฐฯ ที่กำลังลดน้อยลงในภูมิภาคที่ถือเป็นเวทีสำคัญ ทั้งสองอำนาจต่างตระหนักดีว่าความไม่มั่นคงที่เกิดขึ้น อาจทำลายพันธมิตรในภูมิภาคและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตนได้ แต่หากแสดงท่าทีที่ก้าวร้าวเกินไป ก็อาจเสี่ยงต่อการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงมากขึ้น สิ่งที่พวกเขาทำจึงเป็นการกดดันต่อทั้งสองฝ่ายแทนที่จะเลือกข้าง
โดยทั้งสหรัฐฯ และจีน ต่างออกมาเรียกร้องให้ไทยและกัมพูชาลดความตึงเครียดลง นับตั้งแต่การสู้รบปะทุขึ้นครั้งแรกเมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 15 ราย และบาดเจ็บอีกหลายสิบราย ขณะที่การสู้รบแผ่ขยายไปทั่วพื้นที่ชายแดนที่ ครอบคลุมระยะทางราว 500 ไมล์
เอียร์เตือนด้วยว่า หากจีนตีกรอบเรื่องนี้ว่าเป็นสงครามตัวแทนระหว่างไทยซึ่งเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ กับกัมพูชาที่ได้รับการสนับสนุนจากจีน สงครามนี้อาจถือได้ว่าเป็นสงครามตัวแทนที่กำลังก่อตัวขึ้น พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าแนวทางที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดสำหรับทั้งจีนและสหรัฐฯ ก็คือ "การส่งเสริมการทูตและลดระดับความตึงเครียด"
อีวาน ไฟเกนบอม รองประธานฝ่ายศึกษาของมูลนิธิคาร์เนกีเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ และอดีตรองผู้ช่วยเลขาธิการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า หากเทียบกับจีนที่ได้ลงทุนอย่างหนักในความสัมพันธ์กับทุกประเทศในภูมิภาค รวมถึงกัมพูชา ไทย และเวียดนาม สหรัฐฯ ที่วางเป้าหมายต่อสู้กับอิทธิพลจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ขาดการลงมือทำอย่างชัดเจน ก็เหมือนว่าได้สอบตกไปเรียบร้อยแล้ว
ไฟเกนบอมเสริมว่า สหรัฐฯ ไม่มีอิทธิพลต่อไทยมากเท่าเดิมอีกต่อไป ดังนั้นการคิดว่าไทยเป็นตัวแทนของสหรัฐฯ จึงเป็นเรื่องไร้สาระ และในขณะเดียวกัน จีนก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทย เป็นทั้งคู่ค้าอันดับหนึ่ง และเป็นหุ้นส่วนการลงทุนอันดับหนึ่งด้วย
อย่างไรก็ตาม ดีเร็ก กรอสแมน อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ เชื่อว่าความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาไม่ควรทวีความรุนแรงจนกลายเป็นความขัดแย้งตัวแทนแบบสงครามเย็น เพราะอาจส่งผลให้มหาอำนาจทั้งสองของโลกตึงเครียดมากขึ้น หากสถานการณ์ยังคงบานปลายต่อไป