SHORT CUT
เกมชายแดนยังไม่จบ เมื่อโฆษกกองทัพบกแถลงยอมรับแล้วว่า ทหารไทยไม่ได้ควบคุมพื้นที่ปราสาทตาควาย และบริเวณโดยรอบเอาไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ
เมื่อค่ำวันอังคารที่ 29 ก.ค. ทางเนชั่นทีวีได้มีการเปิดเผยข้อมูลสถานการณ์ที่ “ตาควาย” ระบุว่า 'ทหารไทยยังไม่ได้ควบคุมพื้นที่ตาควายไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ' โดยความเป็นมาของพื้นที่ตาควายในช่วงที่เกิดการปะทะกันนั้น ฝ่ายกัมพูชาสามารถยึดพื้นที่ไปได้ ทำให้มีทหารของกัมพูชที่เข้าไปอยู่ด้านในตัวปราสาท ต่อมาแม้ทหารไทยขับไล่ฝ่ายตรงข้ามออกไปได้ แต่ก็ยังไม่สุดแดน เนื่องจากกองกำลังฝ่ายกัมพูชายังยึดจุดสูงข่มบางจุดได้อยู่
ส่วนภาพที่มีการแชร์ว่าไทยสามารถยึดปราสาทและเนิน 350 ได้แบบเบ็ดเสร็จนั้น ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นภาพที่ใช้ AI ทำขึ้นมา
ในทางความมั่นคงอาจสรุปได้ว่าไทยสามารถ "ยึดคืน" พื้นที่นี้ได้แล้ว แต่ในทางการทหารนั้นนับว่าการยึดคืนครั้งนี้ “ยังไม่เบ็ดเสร็จ” เพราะกองกำลังกัมพูชายังยึดพื้นที่จุดสูงข่มบนเนิน 350 ได้บางส่วน ทำให้ฝ่ายไทยไม่สามารถเข้าไปเคลียร์พื้นที่ได้
ขณะที่กองกำลังกัมพูชายังสามารถยิงใส่ได้ตลอดเวลา และยังวางทุ่นระเบิดไว้โดยรอบ ทำให้การเข้ายึดพื้นที่ดังกล่าวมีความไม่ปลอดภัยต่อกองกำลังทหารของไทย
จากข้อมูลที่ได้รับการยืนยันจากฝ่ายทหารแนวหน้า แต่ไม่มีการแถลงอย่างเป็นทางการจากทหารส่วนหลัง ระบุว่า พื้นที่ซึ่งคนไทยเคยเชื่อว่าเป็น “สีเขียว” ทหารไทยควบคุมได้เบ็ดเสร็จแล้ว ชักธงได้แล้ว ปรากฏว่าบางพื้นที่ก็ยังไม่นับว่าเป็นสีเขียวทั้งหมดตามที่เข้าใจ
พื้นที่ดังกล่าวคือ “ช่องอานม้า” ซึ่งแต่เดิมถูกระบุว่าเป็นของไทย แต่ต่อมาชาวกัมพูชาได้เริ่มเข้ามาสร้างตลาด โดยไม่สนใจการประท้วงของไทย ทั้งยังสร้าง “อนุสาวรีย์ตาอม” เป็นอนุสาวรีย์รูปคนขี่ม้าที่บางคนอ้างว่าเป็น “พญาละแวก” ใส่ชุดนักรบ ชี้ปลายหอกหรือทวนมาทางฝั่งไทยด้วย โดยผู้ที่สร้างอนุสาวรีย์นี้ คือ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นสัญลักษณ์โดยนัยเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของพื้นที่ และแสดงชัยชนะเหนือไทย
ต่อมาฝ่ายไทยได้ตั้งฐานทหารพรานระดับกองร้อย ใกล้ๆ ตลาด เพื่อคุมเชิงพื้นที่ฝั่งไทย กระทั่งเกิดการปะทะด้วยอาวุธปืนตามแนวชายแดน ทำให้ช่องอานม้ากลายเป็นพื้นที่สู้รบ และมีทหารไทยพลีชีพ
แม้ว่าสุดท้ายไทยจะยึดพื้นที่ส่วนใหญ่เอาไว้ได้ ประกอบกับทางกัมพูชายิงปืนใหญ่ผิดพลาดจนกระสุนปืนตกที่ 'อนุสาวรีย์ตาอม' พังราบ แต่ก็นับว่าทหารไทยยังควบคุมไม่ได้เบ็ดเสร็จ และทหารกัมพูชาที่ถูกผลักดันออกไปนั้น ได้ยึดเนิน 677 ซึ่งเป็นจุดสูงข่ม ทำให้พื้นที่โดยรอบอนุสาวรีย์กลายเป็นพื้นที่อันตราย ไทยจึงพูดได้ไม่เต็มปากว่า “ควบคุมได้ 100%”
ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาได้พาทูตทหารลงพื้นที่ช่องอานม้า โดยอาศัยจังหวะและช่องว่างช่วง “หยุดยิง” เพื่อไปดูจุด “อนุสาวรีย์ตาอม” ที่ถูกปืนใหญ่ถล่ม พร้อมอ้างว่าทหารไทยเป็นฝ่ายยิงทำลาย และแสดงท่าทีอย่างเปิดเผยว่าฝ่ายตนเป็นเจ้าของพื้นที่
ท่ามกลางการตั้งคำถามว่า กิจกรรมที่ฝ่ายไทยพาคณะทูตทหารและสื่อต่างประเทศลงพื้นที่ชายแดนเมื่อวันศุกร์ที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมานั้น มีการพาคณะไปลงพื้นที่พิพาทเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของบ้างหรือไม่