SHORT CUT
รู้จักโดรน 4 ประเภทหลัก แบ่งตามลักษณะปีก เพื่อแยกแยะภารกิจ แยกให้ออก! โดรนแบบไหนใช้ทำอะไร ช่วยให้เราป้องกันภัยแอบแฝง
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดรนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตสมัยใหม่อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะในมือของเกษตรกร ช่างภาพ วิศวกร ไปจนถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง
เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในรูปแบบที่หลากหลาย ตั้งแต่การถ่ายภาพทางอากาศเพื่อการท่องเที่ยวหรือสารคดี การเกษตรแม่นยำที่ใช้โดรนในการพ่นปุ๋ย พ่นยา การสำรวจพื้นที่ห่างไกล เช่น ป่า ภูเขา หรือชายฝั่งทะเล ไปจนถึงภารกิจกู้ภัย
ในด้านความมั่นคงและการทหาร โดรนถูกใช้เป็นเครื่องมือลาดตระเวนสอดแนม ตรวจจับความเคลื่อนไหวของข้าศึก หรือแม้แต่ทำภารกิจโจมตีเป้าหมายจากระยะไกลด้วยความแม่นยำสูง กลายเป็นอุปกรณ์ทางยุทธศาสตร์ที่หลายประเทศพัฒนาและแข่งขันกันอย่างเข้มข้น
เพื่อเข้าใจศักยภาพของเทคโนโลยีนี้อย่างแท้จริง เราจะพาไปรู้จักโดรน 4 ประเภทหลัก ที่แบ่งตามลักษณะของ "ปีก" ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดการบิน รูปแบบการควบคุม และการใช้งานของโดรนแต่ละชนิด
โดรนประเภทนี้คือสิ่งที่เราคุ้นตากันมากที่สุด เช่น โดรน 4 ใบพัด (Quadcopter) หรือ 6 ใบพัด (Hexacopter) ลักษณะคือมีโครงสร้างแบบแขนกางออกจากศูนย์กลางแต่ละด้าน ติดใบพัดหมุนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
จุดเด่นคือ บินขึ้นลงในแนวดิ่ง บังคับง่าย เหมาะกับมือสมัครเล่น ลอยนิ่งอยู่กับที่ได้ดี ใช้พื้นที่น้อยในการขึ้นลง ระยะเวลาบินสั้น แต่รับน้ำหนักได้น้อย เสี่ยงล้มเมื่อเจอลมแรง
การใช้งานคือ เน้นถ่ายภาพทางอากาศ ตรวจสอบหลังคา อาคาร และใช้ในการพ่นปุ๋ยยาเฉพาะจุดในงานเกษตร
ต่างจากโดรนใบพัดหลายชุด โดรนปีกนิ่งมีลักษณะคล้ายเครื่องบินขนาดเล็ก ใช้หลักอากาศพลศาสตร์ในการสร้างแรงยกแทนใบพัดหมุน
จุดเด่นคือ บินได้นานต่อเนื่องเกิน 12 ชั่วโมง ครอบคลุมพื้นที่กว้าง มีความเร็วสูงกว่า รับน้ำหนักได้มากกว่า แต่เวลาขึ้น ลงต้องมีทางวิ่งหรือระบบยิงขึ้น บังคับยาก ไม่สามารถลอยอยู่กับที่เฉย ๆ ได้ มีราคาแพง เหมาะกับมืออาชีพ
เป็นโดรนยอดนิยม มีลักษณะภายนอกคล้ายเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็ก โดยใช้ใบพัดหลักเพียงใบเดียวที่อยู่ด้านบน และมีใบพัดท้ายสำหรับควบคุมทิศทาง จุดเด่นของโดรนประเภทนี้คือสามารถลอยนิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังทนต่อกระแสลมได้ดี และสามารถทำงานในพื้นที่แคบหรือสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน เช่น ภายในอาคาร โรงงาน หรือพื้นที่ที่มีสิ่งกีดขวางหนาแน่นได้อย่างคล่องตัว
อย่างไรก็ตาม โดรนใบพัดเดี่ยวก็มีข้อจำกัดที่สำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องความซับซ้อนของระบบกลไกที่ต้องการการดูแลรักษาเป็นพิเศษ รวมถึงการควบคุมที่ต้องอาศัยทักษะสูงจากผู้ใช้งาน และมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยมากกว่าโดรนแบบหลายใบพัด ด้วยเหตุนี้จึงไม่นิยมใช้ในงานทั่วไป แต่เหมาะอย่างยิ่งกับภารกิจเฉพาะ เช่น การตรวจสอบอุตสาหกรรม การบรรทุกอุปกรณ์วัดหรือเซนเซอร์เฉพาะทาง และงานด้านทหารหรือความมั่นคงที่ต้องการการบินนิ่งต่อเนื่องนาน ๆ และมีความแม่นยำสูงในจุดที่เข้าถึงยาก
คือโดรนที่รวมข้อดีของโดรนสองแบบเข้าด้วยกัน มีลักษณะเหมือนเครื่องบิน โดยมีคุณสมบัติขึ้น–ลงในแนวดิ่งแบบ multi-rotor แต่สามารถบินไกลและประหยัดพลังงานแบบ fixed-wing ได้ด้วยการใช้ปีกคงที่เมื่ออยู่กลางอากาศ ทำให้โดรนประเภทนี้โดดเด่นในเรื่องความคล่องตัว ความสามารถในการปรับตัวเข้ากับพื้นที่ทุรกันดาร และครอบคลุมพื้นที่กว้างได้ในเที่ยวเดียว เหมาะกับภารกิจที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง เช่น การบินสำรวจข้ามภูเขา หรือพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีทางวิ่งให้ขึ้นบิน
อย่างไรก็ตาม โดรน VTOL มีโครงสร้างที่ซับซ้อนกว่าโดรนทั่วไป ต้องอาศัยการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ และมีต้นทุนการผลิตสูง จึงมักถูกใช้ในภารกิจเฉพาะทาง เช่น การค้นหาและกู้ภัย การลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดน หรือการตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เข้าถึงยาก ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนต้องการทั้งความแม่นยำ
หากเรารู้จักวิธีสังเกตลักษณะของโดรน เช่น จำนวนใบพัด รูปทรงของปีก หรือพฤติกรรมการบิน เราก็จะสามารถแยกแยะได้ว่าโดรนที่เห็นนั้นอยู่ในกลุ่มใด และมีวัตถุประสงค์ใดในการใช้งาน
การรู้เท่าทันเช่นนี้ ช่วยให้เราป้องกันภัยแอบแฝงที่อาจเกิดขึ้นในยามวิกฤต และยังเป็นพื้นฐานสำคัญในการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ในยามปกติอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก jouav
ข่าวที่เกี่ยวข้อง