เมื่อยุคทอง "การดูกีฬาผ่านโทรทัศน์" ใกล้สิ้นสุด สู่ยุคใหม่ของประสบการณ์และการเดิมพัน

ลองนึกภาพตามว่าคุณกำลังจะนั่งดูการแข่งขันกีฬาโปรดผ่านหน้าจอโทรทัศน์ แต่จู่ ๆ ช่องที่คุ้นเคยกลับเงียบหายไป ไม่มีเสียงเชียร์และภาพสดให้ลุ้นเหมือนเคย นี่อาจไม่ใช่พล็อตในภาพยนตร์ไซไฟ แต่เป็นคำถามสำคัญที่กำลังถูกตั้งขึ้นมาว่า "ยุคทองของการชมกีฬาผ่านโทรทัศน์กำลังจะถึงจุดจบหรือไม่?"

ในอดีต การรับชมกีฬาผ่านโทรทัศน์คือส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลก ตั้งแต่การแข่งขันฟุตบอลโลก, บาสเกตบอล NBA, ไปจนถึงการแข่งรถ Formula 1 จอโทรทัศน์คือศูนย์รวมความบันเทิงที่แฟน ๆ ใช้เพื่อติดตามทีมและนักกีฬาที่รัก แต่ปัจจุบันโลกแห่งกีฬาและความบันเทิงกำลังถูกพลิกโฉมอย่างรวดเร็วราวกับคลื่นยักษ์ลูกใหม่ที่ถาโถมเข้ามา ทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า การดูเกมแบบเดิมผ่านจอทีวีจะยังคงอยู่ได้อีกนานแค่ไหน

วิวัฒนาการครั้งใหญ่ เมื่อผู้ชมเปลี่ยนพฤติกรรม

คำตอบสำหรับคำถามที่ว่า "การถ่ายทอดสดกีฬาผ่านโทรทัศน์กำลังจะตายหรือไม่" อาจไม่ใช่การสิ้นสุดแบบฉับพลัน แต่เป็นการเข้าสู่ "ยุคแห่งวิวัฒนาการ" ที่กำลังผลักดันให้อุตสาหกรรมกีฬาเข้าสู่มิติใหม่ที่น่าตื่นเต้นและท้าทายมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพฤติกรรมของผู้ชมเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน

ข้อมูลจาก ESPN ซึ่งเป็นสื่อกีฬาชั้นนำในสหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

• จำนวนผู้ชมเคเบิลทีวีลดลงอย่างต่อเนื่อง จากเกือบ 99 ล้านครัวเรือนในปี 2013 เหลือเพียง 73 ล้านครัวเรือนในปัจจุบัน
• ในขณะเดียวกัน จำนวนผู้ชมกีฬาผ่านช่องทางดิจิทัลในปี 2024 กลับพุ่งสูงขึ้นถึง 105.3 ล้านคน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขนี้แซงหน้าผู้ชมผ่านช่องทางโทรทัศน์แบบดั้งเดิม

การเติบโตของตลาดสตรีมมิ่งกีฬา ยุคใหม่แห่งการแข่งขันที่ดุเดือด

การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งกีฬาไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรม โดยในปี 2024 ตลาดนี้มีมูลค่าสูงถึง 33.9 พันล้านดอลลาร์ และคาดการณ์ว่าจะพุ่งทะยานไปถึง 68.3 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ซึ่งหมายถึงอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่น่าทึ่งถึง 12.6% ต่อปี

ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านนี้ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่ต่างทุ่มเงินมหาศาลเพื่อแย่งชิงลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดกีฬาที่ได้รับความนิยม ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าสมรภูมิการแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเต็มรูปแบบ

• Netflix สร้างความฮือฮาด้วยการทุ่มเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อคว้าสิทธิ์การถ่ายทอดรายการ Monday Night Raw (WWE) ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะรุกเข้าสู่ตลาดกีฬาอย่างจริงจัง
• Amazon เองก็ไม่น้อยหน้า คว้าสิทธิ์ถ่ายทอดการแข่งขันบาสเกตบอล NBA ไปครองด้วยค่าตัวสูงถึง 1.8 พันล้านดอลลาร์ต่อฤดูกาล ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงบทบาทที่แข็งแกร่งของแพลตฟอร์มในการเป็นผู้เล่นหลักในวงการ

แต่สิ่งที่ทำให้โลกของ "การดูกีฬา" วันนี้น่าจับตามากกว่าก็คือ การมาบรรจบกันของ “การรับชม” และ “การเดิมพัน” อย่างแนบเนียน

โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ในช่วงอายุ 18–34 ปี ที่มีแนวโน้มจะสนใจไฮไลต์มากกว่าการนั่งดูเต็มแมตช์ พวกเขาชอบการตัดช่วงน่าเบื่อออก เหลือไว้เพียงความตื่นเต้น และหากในขณะที่ดูไฮไลต์หรือเกมสดอยู่ มีฟังก์ชันให้เดิมพันได้ทันทีโดยไม่ต้องออกจากหน้าจอ—นั่นกลายเป็นประสบการณ์ที่พวกเขา “คาดหวัง” เลยทีเดียว

ESPN เองก็ตอบโจทย์นี้อย่างเต็มที่ ด้วยการเปิดตัวบริการสตรีมมิ่งใหม่ที่เรียกว่า ESPN BET ซึ่งจะรวมแพ็กเกจการชมกีฬาแบบถ่ายทอดสดพร้อมฟังก์ชันเดิมพันแบบเรียลไทม์ในราคา 29.99 ดอลลาร์ต่อเดือน ผู้ชมสามารถดูเกมและเดิมพันได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแอป ไม่ต้องล็อกอินใหม่ ทุกอย่างรวมอยู่ในระบบเดียว ที่สำคัญ ESPN ยังพัฒนา Game Pass แบบใหม่ที่อาจมอบสิทธิพิเศษให้ผู้ที่เดิมพันบ่อยหรือทายถูก เช่น มุมกล้องพิเศษ คำบรรยายเฉพาะ หรือของรางวัลแบบเรียลไทม์

เทคโนโลยี AI ก็เข้ามามีบทบาทมากขึ้นเช่นกัน ลองจินตนาการว่าคุณกำลังดูการแข่งขัน F1 อยู่ แล้ว AI เสนอการเดิมพันแบบโต้ตอบ เช่น ทายว่าใครจะแซงในโค้งหน้า คุณสามารถตอบตกลงด้วยเสียง เพียงแค่พูดว่า “เดิมพันเลย” โดยไม่ต้องแตะหน้าจอ หรือเสียเวลาเปิดแอปเพิ่มเติม ระบบจะรู้จักพฤติกรรมของคุณ วิเคราะห์โอกาส และแนะนำสิ่งที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้ Moritz Maurer ซีอีโอของ GRID เตือนว่า การรวมการเดิมพันเข้ากับกีฬาแบบถ่ายทอดสดต้องทำอย่างโปร่งใสและถูกกฎหมาย แพลตฟอร์มที่มีข้อตกลงกับลีกหรือผู้จัดจะได้เปรียบกว่าผู้ที่ใช้ฟีดข้อมูลจากภายนอก อีกทั้งต้องปรับตัวให้รับมือกับพฤติกรรม “ย้ายค่าย” ของผู้บริโภคที่ไม่จงรักภักดีต่อบริการใดเป็นพิเศษ พร้อมเปลี่ยนทุกครั้งที่มีอะไรใหม่ ถูกกว่า หรือสนุกกว่าให้เลือก

สุดท้ายแล้ว “กีฬา” จะไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมการแข่งขันอีกต่อไป แต่มันกำลังกลายเป็นศูนย์กลางของระบบความบันเทิงยุคใหม่ที่ผสมผสานการเดิมพัน เกม โซเชียลมีเดีย และการค้าเข้าไว้ด้วยกันอย่างชาญฉลาด ใครที่เข้าใจและปรับตัวได้ก่อน จะกลายเป็นผู้ชนะในยุคที่ “การชมกีฬา” ไม่ได้จบแค่หน้าจอ แต่เป็นประสบการณ์ครบวงจรที่คนดูมีส่วนร่วมได้ในทุกวินาที

ที่มา : Posttoday