svasdssvasds

รวมความเห็นปมทุ่นระเบิด จวกกัมพูชาไร้มนุษยธรรม ร้องประชาคมโลกกดดัน

รวมความเห็นปมทุ่นระเบิด จวกกัมพูชาไร้มนุษยธรรม ร้องประชาคมโลกกดดัน

รวมความคิดเห็น ไทยประณามกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดจนทำให้ทหารไทยบาดเจ็บ โดยชี้ว่าเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม และละเมิดอนุสัญญาออตตาวา

SHORT CUT

  • รัฐบาลไทยประณามกัมพูชาที่ลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในเขตแดนไทย ทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ โดยชี้ว่าเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและละเมิดอนุสัญญาออตตาวา
  • หลายฝ่ายเรียกร้องให้รัฐบาลไทยฟ้องร้องผู้นำกัมพูชาต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) และประจานพฤติกรรมดังกล่าวให้ประชาคมโลกรับรู้
  • กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการทางการทูต โดยร้องเรียนต่อสหประชาชาติ ญี่ปุ่น และชาติสมาชิกอาเซียน เพื่อใช้กลไกระหว่างประเทศกดดันให้กัมพูชาเก็บกู้ทุ่นระเบิดและสอบสวนการละเมิดอนุสัญญาฯ

รวมความคิดเห็น ไทยประณามกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดจนทำให้ทหารไทยบาดเจ็บ โดยชี้ว่าเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม และละเมิดอนุสัญญาออตตาวา

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า รัฐบาลขอแสดงความเสียใจและห่วงใยอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่พี่น้องทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของฝ่ายกัมพูชา ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนในเขตแดนไทย เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นการละเมิดอธิปไตยไทยอย่างชัดเจน ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา และเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม

กัมพูชาใช้กับระเบิดต่อทหารไทยอย่างไร้มนุษยธรรม ร้องประชาคมโลกกดดัน

พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบ.ทก. ยืนยันว่า รัฐบาลจะดูแลและเยียวยากำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บทุกนายอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้รับการรักษาและสวัสดิการอย่างสมเกียรติและเหมาะสม พร้อมย้ำว่าฝ่ายความมั่นคงไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์นี้ และจะดำเนินมาตรการทุกวิถีทางเพื่อปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของแผ่นดินไทย

นอกจากนี้ รัฐบาลขอเรียกร้องต่อประชาคมโลกให้ร่วมกันกดดันรัฐบาลกัมพูชา เพื่อเร่งรัดความร่วมมือในการเก็บกู้กับระเบิดโดยทันที และขอให้รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาทบทวนการให้ความช่วยเหลือที่ไม่ก่อให้เกิดผลรูปธรรม พร้อมพิจารณามาตรการอื่นที่จำเป็นเพื่อยุติการสูญเสียครั้งใหม่จากการกระทำที่ไร้ความปราณี

"อนุดิษฐ์" จี้รัฐบาลเร่งฟ้อง ICC เอาผิด "กัมพูชา" ลอบวางทุ่นระเบิด

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม (กธ.)ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ทำให้ตั้งแต่เดือน ก.ค.68 จนถึงวันนี้ ทหารไทยสูญเสียขาไปแล้วถึง 5 นายว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นค่อนข้างที่จะระบุได้ชัดเจนว่า ประเทศไทยเราไม่ได้เป็นคนวางกับระเบิดไว้แน่นอน เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เห็นจะมีทหารเขมรไปเหยียบเลยสักคน โดยกัมพูชาจะดูตามพื้นที่ที่เราลาดตระเวน และอาศัยช่วงเวลาที่ไม่มีทหารปฏิบัติภารกิจ แอบเข้ามาวางกับระเบิดไว้ เลยทําให้ทหารไทยหยียบกับระเบิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 

รัฐบาลต้องเร่งดําเนินการนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฟ้องร้องต่อนานาชาติ เพราะเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนอนุสัญญาออตตาวาของฝ่ายกัมพูชาอย่างชัดเจน และสามารถที่จะเอาเรื่องดังกล่าวขึ้นสู่ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC ผมเชื่อว่า รัฐบาลและกองทัพคงจะมองประเด็นนี้อยู่ และก็ไม่น่าจะละเลย อย่างไรก็ตามควรสื่อสารกับพี่น้องประชาชนว่าอยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ากัมพูชาพยายามจะใช้โดรนมาเพื่อสกัดกั้นการวิ่งขึ้นของเครื่องบิน F-16 ในกรณีที่อาจจะมีการสู้รบกันในอนาคตนั้น น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ข้อมูลตรงนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะว่าความเร็วของเครื่องบินรบอย่างเอฟ 16 คงไม่มีใครสามารถบังคับให้โดรนมาเจอกันได้ทั้งตอนออกตัว หรือจะอยู่กลางอากาศก็ตาม เป็นไปได้ยากมาก ๆ ขอให้อุ่นใจได้ และไม่ต้องกลัวในเรื่องนี้

"เศรษฐา" ย้ำ "มาริษ" ต้องฟ้องและประจานผู้นำกัมพูชาให้โลกรู้ความชั่วร้าย

นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุถึงกรณี ทหารไทยเหยียบกับระเบิด บริเวณชายแดนกัมพูชา ครั้งที่ 4 ระหว่างลาดตระเวนว่า เรื่องข้อตกลงระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ประเทศมาเลเซียอาทิตย์ที่แล้ว

เข้าใจว่าหนึ่งในประเด็นที่ยังไม่มีการตกลงคือต้องให้ทางฝั่งกัมพูชากู้กับระเบิดที่วางใหม่ในช่วงที่มีปัญหา เรื่องนี้ต้องนำไปเจรจาใหม่ครับ คนที่วางเท่านั้นที่จะรู้ว่าไปกู้ตรงไหน

บทบาทประเทศไทยในเวทีโลกเรื่องความขัดแย้งกับกัมพูชาต้องมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ผ่านการเดินสายของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และผลกระทบระยะยาวที่จะเกิดขึ้นกับทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องกับระเบิดที่วางโดยกัมพูชา ท่านต้องเดินสายครับ!

หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้กับระเบิดจงใจละเมิดอนุสัญญาออตตาวา และการใช้อาวุธสงครามถล่มเป้าหมายพลเรือน รวมถึงใช้ปืนใหญ่ยิงถล่มโรงพยาบาล รัฐบาลไทยโดยท่านรัฐมนตรีต่างประเทศต้องยื่นฟ้องผู้นำกัมพูชาต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ ควบคู่กับการประจารพฤติกรรมอันชั่วร้ายให้ชาวโลกรู้

"มาริษ" สายตรงถึง UN-ญี่ปุ่น ขอให้กลไกออตตาวาสอบสวนกัมพูชาละเมิดอนุสัญญา

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการดำเนินการภายหลัง กำลังพลกองร้อยทหารพรานที่ 2610 รวม 7 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องจุบตะโมก จ.สุรินทร์ ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากพฤติการณ์ที่ไม่สุจริตใจของฝ่ายกัมพูชา และขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และละเมิดพันธกรณีตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

เมื่อวานนี้ (12 ส.ค.) ตนได้โทรศัพท์หารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นจะเป็นประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ในเดือน ธ.ค. นี้ เพื่อขอให้ใช้กลไกในกรอบอนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention) เพื่อไต่สวนการกระทำของกัมพูชา ซึ่งฝ่ายเลขาธิการของอนุสัญญาออตตาวา ได้มีหนังสือตอบกลับมาด้วยแล้ว และในวันศุกร์นี้ (15 ส.ค.) จะมีการพูดคุยกับประเทศผู้บริจาคในกรอบอนุสัญญาออตตาวา เพื่อให้เห็นการดำเนินการของกัมพูชา โดยเฉพาะในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย -กัมพูชา (General Border Committee) หรือ GBC ไทย-กัมพูชา ซึ่งไทยเสนอเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด แต่กัมพูชากลับปฏิเสธ พร้อมยังได้โทรศัพท์พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ เพื่อขอให้ใช้กลไกอาเซียนกดดันให้กัมพูชาร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด

นายมาริษ ยังย้ำว่า ในห้วงการเดินทางเยือนนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตนเอง ได้พบเลขาธิการสหประชาชาติ หรือเลขาธิการ UN และรัฐมนตรีของญี่ปุ่นแล้ว และได้ประท้วงท่าทีความไม่จริงใจของกัมพูชาต่อทั้ง 2 บุคคล และในโอกาสต่างๆ เสมอมา

ส่วนกรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ได้ส่งจดหมายร้องเรียน ต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC และเลขาธิการสหประชาชาติ (UN) เมื่อ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา กล่าวหาฝ่ายไทยละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา รวมถึงกฎหมายระหว่างประเทศ ข้อตกลงทวิภาคี และเงื่อนไขของการหยุดยิงที่ตกลงกันไว้อย่างต่อเนื่องนั้น นายมาริษ ยืนยันว่า ที่ผ่านมา
ฝ่ายกัมพูชาไม่มีหลักฐานใดที่แน่ชัด แต่ฝ่ายไทยมีข้อมูลชัดเจน เกี่ยวกับการยั่วยุของกัมพูชา และการวางทุ่นระเบิด และที่สุด UNSC ก็ไม่ได้มีการประชุมเรื่องนี้อีกครั้งแต่อย่างใด

 

ที่มา : @Thavisin

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

related