SHORT CUT
ประเทศไทยมีกฎหมายห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดง (แรคโตพามีน) อย่างเด็ดขาด โดยจัดเป็นสารเคมีอันตราย และห้ามตรวจพบการปนเปื้อนในเนื้อสัตว์เพื่อการบริโภค อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค
จากกรณีที่อธิบดีกรมปศุสัตว์ นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ เปิดเผยถึงกระแสเปิดการนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐฯ โดยสังคมมีความกังวลถึงการใช้สารเร่งเนื้อแดงในเนื้อหมูจะกระทบต่อสุขภาพของคนไทยว่า ในขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งถึงรายละเอียดของการดำเนินการใดๆ อย่างชัดเจน มีเพียงการติดตามข่าวสารจากทางสื่อมวลชนเท่านั้น
สำหรับประเด็นดังกล่าวกรมปศุสัตว์ มีจุดยืนอย่างชัดเจนต่อนโยบายห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงตลอดห่วงโซ่การผลิต พร้อมทั้งได้สร้างการรับรู้ต่อเกษตรกรให้ตระหนักถึงอันตรายและผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นจากการใช้สารเร่งเนื้อแดงมาโดยตลอด และที่ผ่านมาได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกเฝ้าระวังการลักลอบใช้สารเร่งเนื้อแดงในโรงฆ่าสัตว์ โรงงานผลิตอาหารสัตว์และฟาร์มทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยปลอดสารเร่งเนื้อแดงและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค ที่พร้อมจะส่งออกไปยังประเทศคู่ค้า ซึ่งมีกว่า 160 ประเทศทั่วโลก
กรมปศุสัตว์ให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของประชาชนมาตลอด ซึ่งก็เชื่อว่ารัฐบาลก็จะคำนึงถึงสุขภาพของประชาชนเป็นหลักเช่นกัน คงจะไม่มีใครต้องการให้คนไทยบริโภคอาหารที่มีมาตรฐานต่ำลง
นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ที่ผ่านมามีคําถามถึงจุดยืนของตนในฐานะผู้ที่กํากับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมปศุสัตว์ เราต่อสู้กับการใช้สารเร่งเนื้อแดงมาตลอด โดยกรมปศุสัตว์ได้ประกาศแคมเปญและดําเนินนโยบายที่มีชื่อว่า อวสานสารเร่งเนื้อแดงในประเทศไทย ก็มีการไล่จับ ไล่สืบ ไล่ปรับลงโทษคนที่แอบลักลอบใช้สารเร่งเนื้อแดง
เมื่อถามว่าจุดยืนนี้อาจจะไม่สอดคล้องกับแนวทางของทีมไทยแลนด์ที่ไปเจรจาแก้ปัญหาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ นายอรรถกร กล่าวว่า ตนให้กําลังใจทีมเจรจาเสมอ และก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับทีมเจราจา แต่ในฐานะที่เป็นเจ้ากระทรวงดูแลกํากับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เราต้องรักษาจุดยืนของเรา แต่ตนยืนยันว่า ทุกความเห็นที่เราได้มอบให้กับทีมเจรจาไปก่อนหน้านี้ ตนยึดมั่นในประโยชน์และความปลอดภัยของพี่น้องชาวไทยเป็นหลัก
ประเทศไทยมีมาตรฐานการเลี้ยง และผลิตสุกรที่ดีและได้ห้ามการใช้สารเร่งเนื้อแดงมาเป็นเวลานานแล้ว กรมปศุสัตว์ได้มีการดำเนินการเชิงรุกเพื่อเฝ้าระวังและตรวจสอบการลักลอบใช้สารนี้ในโรงฆ่าสัตว์ และฟาร์มอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ยังมีข่าวการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนที่อาจปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดง ซึ่งเป็นอันตรายต่อทั้งสุขภาพผู้บริโภคและทำลายกลไกราคาของผู้เลี้ยงในประเทศ แต่ในบางประเทศสารเร่งเนื้อแดงไม่ใช่สารต้องห้าม และสามารถใช้ในอาหารสัตว์ได้อย่างถูกกฎหมาย โดยเฉพาะประเทศผู้ผลิตและส่งออกเนื้อสุกรอันดับหนึ่งของโลกอย่างสหรัฐอเมริกา
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาได้แสดงความพยายามหลายต่อหลายครั้งให้รัฐบาลไทยเปิดตลาดนำเข้าเนื้อและเครื่องในสุกรจากสหรัฐฯ ผ่านการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
"แรคโตพามีน" (Ractopamine) เป็นสารสังเคราะห์ในกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ (Beta-Agonist) หรือเรียกกันว่า “สารเร่งเนื้อแดง” แต่เดิมเป็นยาที่ใช้รักษาโรคหอบหืดในคนและสัตว์ เช่น โรคหลอดลมอักเสบ หอบหืด ช่วยกระตุ้นการเต้นของหัวใจ และเป็นยายับยั้งการหดตัวของมดลูกในสัตว์ ต่อมามีการวิจัยและพัฒนามาใช้เร่งการเจริญเติบโตในสัตว์เลี้ยงเพื่อผลิตเนื้อหลายชนิดรวมทั้งสุกร โดยแรคโตพามีนมีคุณสมบัติช่วยลดไขมันและสร้างโปรตีนให้เพิ่มขึ้น
สุกรที่ได้รับแรคโตพามีนในอาหารจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจาก 60 กิโลกรัมเป็น 100 กิโลกรัมได้เร็วกว่าสุกรทั่วไป 4 วัน ในขณะที่ต้องการอาหารน้อยกว่า 18.5 กิโลกรัม และมีน้ำหนักซากที่ชำแหละสูงกว่าถึง 4.5 กิโลกรัม จึงมีการนำสารในกลุ่มนี้มาใช้ผสมในอาหารสัตว์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและตรงกับความต้องการของผู้บริโภคที่ชอบเนื้อแดงไขมันน้อย
แต่เมื่อเข้าสู่ร่างกายของสัตว์แล้ว แรคโตพามีนจะไม่สลายหายไปไหน มันสามารถตกค้างอยู่ในเนื้อสัตว์ที่เราบริโภคได้และมีคุณสมบัติทนต่อความร้อนในการประกอบอาหาร
ผู้ที่บริโภคเนื้อแดงที่ปนเปื้อนเข้าไปในปริมาณมากจะทำให้มีอาการ ดังนี้
ในประเทศไทยแรคโตพามีนเป็นสารต้องห้าม โดยจัดเป็นสารเคมีอันตราย ห้ามไม่ให้มีการตกค้างในเนื้อสัตว์และเครื่องในสัตว์ที่ใช้ในการบริโภค ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 269 พ.ศ.2546 เรื่องมาตรฐานอาหารที่มีการปนเปื้อนสารเคมีกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ ซึ่งกำหนดให้อาหารทุกชนิดต้องไม่ตรวจพบสารเคมีกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์และเกลือของสารกลุ่มนี้ รวมถึงสารในกระบวนการสร้างและทำลายสารดังกล่าว
นอกจากนี้ยังมีการควบคุมไม่ให้มีการใช้แรคโตพามีนในอาหารเลี้ยงสัตว์อีกด้วย โดยมีประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ห้ามการใช้สารเคมีกลุ่มดังกล่าวเป็นส่วนประกอบในการผลิตอาหารสัตว์ หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ.2558 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อย่างไรก็ตามยังมีการอนุญาตให้ใช้แรคโตพามีนเป็นส่วนประกอบในยาสำหรับรักษาสัตว์ได้ แต่เป็นยาควบคุมพิเศษและต้องสั่งจ่ายโดยสัตวแพทย์ชั้นหนึ่งเท่านั้น
หลังจากที่ประเทศไทยได้บรรลุผลการเจรจาเรื่องภาษีตอบโต้กับสหรัฐอเมริกา โดยได้รับการปรับลดภาษีจากอัตรา 36% เหลือ 19% ไปแล้ว ซึ่งในรายละเอียดของสินค้าที่ไทยจะปรับลดอัตราภาษีเป็น 0% ให้กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐนับพันรายการนั้น ยังไม่มีแถลงการณ์ร่วมอย่างเป็นทางการจากทั้งสองฝ่าย ส่งผลให้หลายภาคส่วนของไทยเกิดความกังวล โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสุกร ขณะเดียวกันก็มีกระแสข่าวว่านายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรและสหกรณ์ของพรรคกล้าธรรม ไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่พอใจผลของการเจรจาภาษีสหรัฐฯ ว่าจะมีการนำเข้าเนื้อหมูที่มีสารเร่งเนื้อแดงเข้าประเทศหรือไม่? แต่ในวันเดียวกัน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เปิดเผยว่ากรณีที่นายอรรถกร ได้ลาการประชุม ครม. ในวันเดียวกันนี้ ตนเข้าใจว่าติดภารกิจที่จังหวัดน่าน เพื่อไปช่วยฟื้นฟูโรงเรียน และบ้านพักของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
ต้องรอติดตามว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร
ที่มา : สมาคมธุรกิจเวชภัณฑ์สัตว์ , กรุงเทพธุรกิจ , knowledgefarm