SHORT CUT
"ราชินิกุลบุนนาค" ตำนานมีชีวิตและการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่! เผยประวัติสกุลสำคัญผู้ภักดีราชวงศ์ ค้นคว้าจากเอกสารชั้นต้นไม่เคยเผยที่ไหนมาก่อน
“ราชินิกุลบุนนาค” หนังสือประวัติศาสตร์เล่มหนา ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว อันน่าทึ่งของสกุลบุนนาคแต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้มีแค่ตัวอักษร หากแต่เต็มไปด้วยเรื่องราวความ "สงสัย" ที่นำ ไปสู่การค้นคว้าอันยิ่งใหญ่ ภารกิจที่ท้าทายและเกร็ดประวัติศาสตร์ รวมทั้งเรื่องราวสุดลึกลับที่ชวนให้ตั้งคำถามว่าเป็นความบังเอิญหรือเรื่องเร้นลับ นี่ไม่ใช่แค่หนังสือประวัติศาสตร์ แต่เป็นประตูสู่ตำนานที่ถูกซ่อนไว้มานานหลายร้อยปีเลยทีเดียว
SPRiNG มีโอกาสพูดคุยกับคณะผู้จัดทำหนังสือ“ราชินิกุลบุนนาค” ไม่ว่า จะเป็น คุณรัฐฎา บุนนาค กรรมการชมรมสายสกุลบุนนาค ผู้อำนวยการโครงการหนังสือราชินิกุลบุนนาค ฉบับปี 2568 นี้ คุณอรรถดา คอมันตร์ กรรมการบริหารสำนักพิมพ์สยาม เรเนซองส์ เจ้าของกรรมสิทธิ์ภาพถ่ายโบราณหายากหลายภาพ ที่นำมาจัดพิมพ์เผยแพร่ในเล่ม และยังเป็นทายาทของคุณเดือนฉาย บุนนาค คอมันตร์ ประธานกรรมการบริหารสำนักพิมพ์ สยามเรเนซองส์ ผู้ค้นคว้าและเรียบเรียงหนังสือสกุลบุนนาค ที่ได้เคยจัดพิมพ์เมื่อปี 2542 ตลอดจน คุณปิติรัชต์ จูช่วย บรรณาธิการสำนักพิมพ์สยาม เรเนซองส์ หนึ่งในผู้เขียนหลักของหนังสือราชินิกุลบุนนาค
จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดมาจากความรู้สึกธรรมดา ๆ ที่เราอาจ คาดไม่ถึง นั่นคือความ “สงสัย” ของคนในตระกูลที่ต่างคนต่างไม่รู้จักญาติพี่น้อง ว่าใครเป็นใคร สัมพันธ์กันอย่างไร แม้จะมีนามสกุลเดียวกัน! จุดประกายให้สมาชิกสกุลบุนนาคกลุ่มหนึ่งตัดสินใจ รวบรวมข้อมูลทั้งหมดของสกุลบุนนาคไว้เป็นฐานข้อมูลไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ผ่านการรวมตัวเป็น “ชมรมสายสกุลบุนนาค” และ ภารกิจนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ประจวบกับช่วงเวลานั้นใกล้เคียงกับวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา ที่สกุลบุนนาคมีความประสงค์จะร่วมเฉลิมพระเกียรติแด่พระองค์ท่าน และแสดงความจงรักภักดีต่อมหาจักรีบรมราชวงศ์ ดังเช่นบรรพชนที่ได้ถวายงานรับราชการทั้งฝ่ายหน้า (บุรุษ) และฝ่ายใน (สตรี) มาอย่างยาวนาน แนวคิดในการจัดทำหนังสือจึงก่อตัวขึ้น โดยมี พล.อ.บรรจบ บุนนาค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับเป็นประธานชมรวมสายสกุลบุนนาคและประธานคณะทำงานจัดทำหนังสือ “สกุลบุนนาค” และ “สาแหรกสกุลบุนนาค”
หนังสือชุดแรกจึงจัดทำสำเร็จขึ้นใน พ.ศ.2542 สมกับวาระมหามงคลนั้น โดยเนื้อหาเป็นการรวบรวมข้อมูลมหาศาลจากผู้ใช้นามสกุลบุนนาคที่ครั้งนั้นค้นพบกันมากกว่า 10,000 รายชื่อ แม้คณะผู้จัดทำในครั้งนั้นจะออกตัวว่า เนื้อหาครอบคลุมเพียง 70% และยังขาดข้อมูลบางส่วนไป แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการจัดทำระบบรหัสลำดับวงศ์ตระกูล ที่เรียกกันโดยลำลองว่า “รหัสจงพิศ” ตามคุณจงพิศ บุนนาค หนึ่งในผู้จัดทำ “สาแหรกสกุลบุนนาค” เพื่อระบุสายตระกูลอย่างเป็นระบบ โดยใช้ตัวอักษรและตัวเลขที่ช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้นสุด ๆ
หลังเวลาผ่านไปยาวนานกว่า 26 ปี จึงได้มีการรวมรวมข้อมูล ชำระแก้ไข ให้ถูกต้องครบถ้วน และเรียบเรียงข้อมูลทั้งหมดขึ้นใหม่อีกครั้ง จนเป็นที่มาของหนังสือ “ราชินิกุลบุนนาค” ฉบับปี 2568 นี้ แล้ว “ราชินิกุลบุนนาค” นี้มาจากไหน ? คำนี้หมายถึงผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากท่านเจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) และเจ้าคุณพระราชพันธุ์นวล ผู้มีศักดิ์เป็นพระขนิษฐา(น้องสาวแท้ ๆ) ของสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีในรัชกาลที่ 1 พระบรมราชชนนีในรัชกาลที่ 2 สกุลวงศ์ของทายาทที่เชื้อสายจากทั้ง 2 ท่านนี้ จึงเป็น “ราชินิกุล” อันหมายถึงสกุลวงศ์ของสมเด็จพระบรมราชชนนีในพระมหากษัตริย์ ด้วยเหตุนี้ แต่ความพิเศษของราชินิบุนนาคนี้ ปรากฏหลักฐานว่า ท่านเจ้าคุณนวล มีความสำคัญอย่างมาก ในฐานะผู้ที่อภิบาลรัชกาลที่ 2 มาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ จึงได้รับความยกย่องมากกว่าราชินิกุลวงศ์อื่น ๆ
ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นนี้ก็สืบทอดมาตั้งแต่สมัยที่ รัชกาลที่ 1 และ ท่าน เจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) ซึ่งได้คุ้นเคยกันมาตั้งแต่เยาว์วัย และเคยบวชเณรร่วมกันที่วัดสามวิหาร อยุธยา ความไว้เนื้อเชื่อใจนี้เองที่เป็นรากฐานสำคัญอีกประการหนึ่งให้ สกุลบุนนาค มีบทบาทสำคัญในราชการมาโดยตลอด
ทั้งการเมืองการปกครอง การทหาร การต่างประเทศ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของบ้านเมืองอย่างการขุดคลอง เช่น คลองแสนแสบ ที่เปรียบเสมือน “ทางหลวงแผ่นดิน” ในสมัยโบราณที่เชื่อมโยงเส้นทาง การค้าและยุทธศาสตร์สำคัญ นอกจากนี้ยังมีการสร้างพระราชฐาน ไปจนถึงงานศิลปวัฒนธรรมและการรักษาราชการฝ่ายใน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สกุลนี้เป็น "คณะทำงาน" ที่พระมหากษัตริย์ทรงไว้วางพระราชหฤทัยให้ปฏิบัติราชการทั้งของแผ่นดินและส่วนพระองค์มาตั้งแต่ก่อบ้านสร้างเมืองจนเป็นกรุงรัตนโกสินทร์เลยทีเดียว
การจัดทำหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แค่การรวบรวมข้อมูลทั่วไป แต่เป็นการค้นคว้าจากเอกสารชั้นต้น ที่หลายส่วนไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ตั้งแต่ พระราชหัตถเลขา เอกสารจดหมายเหตุ ของสะสมหายาก หลายชิ้นเป็นมรดกตกทอดที่รักษากันมาในตระกูล เช่น กระบี่ของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ไปจนถึงภาพถ่าย จากต่างประเทศ และเอกสารจากคลังเอกสารสำคัญ ทั้งของ พลตรี ม.ร.ว.ศุภวัฒย์ เกษมศรี และอาจารย์ภาวาส บุนนาค ที่เป็นเสมือนลายแทงนำไปสู่การค้นพบที่น่าตื่นเต้นมากมาย เช่น
พระราชหัตถเลขาของรัชกาลที่ 5 ถึงสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ว่าด้วยเหตุการณ์ หม่อมเจ้าฉวีวาดหนีไปกรุงกัมพูชา องค์จริง
นาฬิกาพกพระราชทานเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ (โต บุนนาค) ในคราวเสด็จประพาสยุโรป ครั้งที่ 2 ที่ปรากฏเรื่องราวในพระราชนิพนธ์ “ไกลบ้าน” หรือการค้นพบเอกสารสำคัญซึ่งเคยคาดการณ์กันว่าเนื้อความได้สูญหายไปแล้ว เช่น พระราชหัตถเลขารัชกาลที่ 4 ฉบับ “จรเข้และปลาวาฬ” พระราชทานคำแนะนำเรื่องการเจรจาสัญญากับฝรั่งเศส ถึงเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) และ “ดวงชะตาของเจ้าคุณนวล” จากสำเนาเอกสารดวงชะตาบุคคลสำคัญ ที่บันทึกวันเกิดของท่านเจ้าคุณนวล ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่ปรากฏที่อื่นมาก่อน รวมทั้งข้อมูลบุคคลสำคัญซึ่งเกือบเลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ เช่น คุณเขียน (บุนนาค) จาตุรงคกุล บุตรีของพระสุริยภักดี (สนิท บุนนาค) ผู้เก็บตำราและ ลำดับวงศ์ตระกูลที่สำคัญ ซึ่งเป็นแม่แบบในการจัดทำหนังสือ “อธิบายราชินิกุลบางช้าง” และยังเป็นผู้ดูแล คุณสุวรรณ กวีหญิงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ในวาระสุดท้าย ข้อมูลนี้ปรากฏในราชกิจจานุเบกษาฉบับเก่าที่หายากยิ่ง และไม่เคยมีการรวบรวมประวัติของคุณเขียนอย่างเป็นทางการมาก่อน
หนังสือ “ราชินิกุลบุนนาค” จึงเป็นผลงานที่ได้รับการจัดทำอย่างประณีต และจริงจังในทุกขั้นตอน โดยยึดหลักความถูกต้องทางวิชาการ ไม่ใช่เพียง "พงศาวดารกระซิบ" หรือข่าวลือ แต่ใช้เอกสารชั้นต้นและอ้างอิงอย่างละเอียด ในเชิงอรรถ อีกทั้งยังมีที่ปรึกษาคณะผู้เขียนอย่าง ม.ล.ภัครภรจันทร์ เกษมศรี ผู้สนใจศึกษาประวัติศาสตร์รัชกาลที่ 4 เจ้าของผลงานงานแปลพระราชหัตถเลขารัชกาลที่ 4 ถึงนางแอนนา เลียวโนเวนส์ และหนังสือพระราชหัตถเลขาในรัชกาลที่ ๔ ถึงเซอร์จอห์น เบาว์ริง คอยตรวจสอบ ความถูกต้องและให้คำแนะนำ
วิธีการเล่าเรื่องก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะใช้ภาษาเก่าแต่สนุก เหมือนกับ เรากำลัง “ได้ร่วมพูดคุยทำความเข้าใจอดีต” จากการเล่าเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องสอดรับกับหลักฐาน ทำให้เห็นเครือข่ายของเรื่องราวและผู้คนในยุคอดีต และดึงเอาความถนัดของนักเขียนแต่ละคนมาใช้ในงาน ทำให้หนังสือมีมิติและน่าติดตาม ตอนต้นของเล่มยังระบุวิธีอ่านหนังสือเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นอีกด้วย
หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์โดยบริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพ ของวัสดุที่ใช้สูงสุด เพื่อให้หนังสือมีคุณค่าและทนทานอยู่ได้เป็นร้อยปี! ตั้งแต่ปก ที่ผลิตโดยเทคนิคเมทัลไลท์ (Metalite) คือการพิมพ์สี่สีบนฟอยล์สีเงิน (Metallic Silver) แล้วเคลือบกันรอยขีดข่วน ไปจน ถึงการออกแบบปกโดย อาจารย์หทัย บุนนาค (ครูศิลปินของแผ่นดิน ประจำปี 2568) ซึ่งอัญเชิญ ลายพระหัตถ์ของรัชกาลที่ 6 ที่พระราชทานนามสกุล “บุนนาค” ประดับด้วยสัญลักษณ์ของช้างและดอกบุนนาค
นี่ไม่ใช่แค่หนังสือเล่มหนึ่ง แต่คือบันทึก แห่งความเพียรพยายาม ความเคารพและความรักที่มีต่อประวัติศาสตร์ของสกุลบุนนาค และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้หนังสือเล่มนี้คู่ควรแก่การเป็นเจ้าของอย่างยิ่ง เพราะโอกาสแบบนี้ อาจจะมีเพียงครั้งเดียวก็เป็นได้