SHORT CUT
จากนโยบายปลดล็อกชีวิตคนไร้สัญชาติ สู่ขบวนการเรียกรับผลประโยชน์ "ส่วยสัญชาติ" ที่อาจมีเงินสะพัดใต้โต๊ะกว่า 2,500 ล้านบาท
ประเทศไทยมีประชากรไร้รัฐไร้สัญชาติประมาณ 483,626 คน ที่ไม่มีสถานะทางกฎหมาย ทำให้ขาดสิทธิพื้นฐานในการใช้ชีวิต เช่น ไม่สามารถถือครองที่ดิน เข้าถึงบริการสาธารณสุขได้จำกัด และถูกจำกัดการเดินทาง ซึ่งคนกลุ่มนี้อาศัยในไทยมานานแล้ว เป็นกลุ่มคนที่ไม่มี "สัญชาติ"ของประเทศใดเลย แตกต่างจากแรงงานต่างด้าวที่เป็นบุคคลมีสัญชาติแล้วอพยพเข้าไทย
วันที่ 29 ตุลาคม 2567 คณะรัฐมนตรีมีมติสำคัญเพื่อแก้ปัญหานี้ ลดขั้นตอนในการขอสัญชาติไทย จากเดิมใช้เวลา 180-270 วัน เหลือเพียง 5 วันเท่านั้น โดยแบ่งกลุ่มเป้าหมายเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
แม้รัฐบาลประกาศว่าไม่มีค่าใช้จ่ายนอกจากค่าธรรมเนียม 100-160 บาท แต่ในความเป็นจริง มีการเรียกเก็บเงินตั้งแต่ 3,000 - 40,000 บาทต่อคน ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีบุคคลกลุ่มนี้จำนวนมาก
สส.กัณวีร์ สืบแสง พรรคเป็นธรรม เปิดโปงเรื่องนี้พร้อม นายสมดุลย์ อุตเจริญ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน โดยประเมินว่าหากทุกคนถูกเรียกเก็บเงิน 5,000 บาท จะมีเงินหมุนเวียนใต้โต๊ะรวมกว่า 2,500 ล้านบาท
1. ขาดความพร้อมของระบบราชการ
- ไม่มีการเพิ่มงบประมาณ บุคลากร และอุปกรณ์
- ทำให้เกิดคิวล่าช้า เปิดช่องให้จ่ายเงินเพื่อเร่งคิว
2. ความสับสนเรื่องกำหนดเวลา
- ชาวบ้านเข้าใจผิดว่าต้องรีบยื่นก่อน 30 กันยายน 2568
- ทำให้กลัวและยอมจ่ายเงินเพื่อให้ทันเวลา บางคนถึงขั้นต้องไปกู้หนี้มาจ่าย
3. บทบาทผู้นำท้องถิ่น
- แม้กฎหมายระบุว่าให้รับรองตนเองได้ แต่ในทางปฏิบัติยังต้องพึ่งพาผู้ใหญ่บ้าน
- ผู้ใหญ่บ้านจึงมีโอกาสเรียกรับผลประโยชน์
4. แต่ละพื้นที่ทำไม่เหมือนกัน
- บางอำเภอดำเนินการเสร็จแล้ว บางแห่งให้ประชาชนเดินเข้าไปหาอำเภอเอง
- สร้างช่องว่างให้เจ้าหน้าที่เรียกเก็บเงินได้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดูแลเรื่องนี้โดยตรงรับทราบเรื่องนี้แล้วพร้อมบอกว่า "ในยุคของผม จะไม่เก็บคนพวกนี้เอาไว้"
ขณะเดียวกัน สส.กัณวีร์ มีข้อเสนอแก้ปัญหานี้ 5 ข้อ ได้แก่
1. ปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง
2. กำหนดมาตรฐานให้ทุกพื้นที่ปฏิบัติเหมือนกัน
3. ให้เจ้าหน้าที่เคลื่อนที่ไปหาประชาชน ไม่ใช่ให้ประชาชนมาหา
4. จัดสรรงบประมาณและบุคลากรให้เพียงพอ
5. กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน
ปัญหา "ส่วยสัญชาติ" สะท้อนให้เห็นว่า แม้รัฐบาลจะมีเจตนาดีในการแก้ไขปัญหาคนไร้รัฐ แต่หากขาดการเตรียมความพร้อมและไม่มีระบบตรวจสอบที่ดี นโยบายดีๆ ก็อาจกลายเป็นช่องทางหาผลประโยชน์ จากประชาชนผู้เดือดร้อนที่รอคอยสถานะทางกฎหมายมานานหลายสิบปี
การแก้ปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งการปรับปรุงระบบราชการให้มีประสิทธิภาพ การสร้างความโปร่งใส และการคุ้มครองประชาชนจากการถูกเอาเปรียบ เพื่อให้สิทธิในการมีสัญชาติเป็นสิทธิที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ไม่ใช่สินค้าที่ต้องซื้อด้วยเงินใต้โต๊ะ