svasdssvasds

ครม.ไฟเขียวแพ็กเกจกระตุ้นท่องเที่ยว ลดภาษีสูงสุด 2 หมื่น ดีเดย์ 29 ต.ค.นี้

ครม.ไฟเขียวแพ็กเกจกระตุ้นท่องเที่ยว ลดภาษีสูงสุด 2 หมื่น ดีเดย์ 29 ต.ค.นี้

ครม.เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เตรียมเสนอมาตรการท่องเที่ยวแพ็คเกจใหญ่เข้า ครม. สัปดาห์หน้า ทั้งลดหย่อนภาษีเที่ยวเมืองรอง 1.5 เท่า เร่งเบิกจ่ายงบสัมมนาภายใน ม.ค. 69 พร้อมให้สิทธิ์โรงแรมเมืองรองหักค่าใช้จ่ายปรับปรุง 2 เท่า

SHORT CUT

  • ครม. อนุมัติมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีสูงสุด 20,000 บาท สำหรับค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวในประเทศ เริ่ม 29 ต.ค. – 15 ธ.ค. 2568
  • การลดหย่อนภาษีให้สิทธิประโยชน์แตกต่างกัน โดยท่องเที่ยวเมืองหลักลดหย่อนได้ 1 เท่า และเมืองรอง 1.5 เท่า เพื่อส่งเสริมการกระจายรายได้
  • แพคเกจยังรวมถึงมาตรการเร่งรัดการจัดสัมมนาของภาครัฐ และการให้สิทธิ์ผู้ประกอบการโรงแรมในเมืองรองหักค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงที่พักได้ 2 เท่า

ครม.เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เตรียมเสนอมาตรการท่องเที่ยวแพ็คเกจใหญ่เข้า ครม. สัปดาห์หน้า ทั้งลดหย่อนภาษีเที่ยวเมืองรอง 1.5 เท่า เร่งเบิกจ่ายงบสัมมนาภายใน ม.ค. 69 พร้อมให้สิทธิ์โรงแรมเมืองรองหักค่าใช้จ่ายปรับปรุง 2 เท่า

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานวันนี้ว่าประชุมครั้งแรกนี้เป็นวาระสำคัญเพื่อทบทวนแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วง 4 เดือน โดยในส่วนที่มีการเดินหน้าในวันนี้แล้วคือการเปิดลงทะเบียนร้านค้าสำหรับโครงการคนละครึ่งพลัส ที่ได้มีการเปิดตัวโครงการไปแล้วตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา

ส่วนมาตรการที่จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้าเป็นมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวซึ่งมีความจำเป็นจะต้องออกมาขับเคลื่อนการท่องเที่ยวที่มีการชะลอตัวอย่างมาก โดยการท่องเที่ยวในประเทศติดลบ 8% ใน 8 เดือนที่ผ่านมา โดยกระทรวงการคลังจะเสนอเป็นแพคเกจการท่องเที่ยวประกอบไปด้วย 3 มาตรการหลักได้แก่ 

  1. มาตรการทางภาษี โดยให้สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีได้สูงสุดคนละ 20,000 บาท โดยมาตรการนี้จะให้สิทธิ์ในการลดหย่อนสำหรับการท่องเที่ยวเมืองหลัก 1 เท่า และเมืองรองให้สิทธิ์ลดหย่อนได้ 1.5 เท่า โดยจะเริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. – 15 ธ.ค. 2568 

  2. โครงการเร่งรัดการจัดประชุมสัมมนาของภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีงบประมาณของแต่ละภาคส่วนอยู่แล้วไม่ใช่งบประมาณใหม่ โดยภาคมีงบประมาณอยู่ ราว 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ส่วนราชการ 3,000 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจอีก 3,000 ล้านบาท สำหรับการอบรมสัมมนา ยังไม่รวมกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตั้งไว้เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยกำหนดให้เบิกจ่าย 60% ของงบอบรมสัมมนาภายในเดือนมกราคม 2569 แทนที่จะรอจ่ายในไตรมาส 3-4 ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวได้

 

นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอจากภาคเอกชน โดยประธานหอการค้าเสนอให้บริษัทนิติบุคคลสามารถนำค่าใช้จ่ายในการพาพนักงานเที่ยวในประเทศมาหักลดหย่อนภาษีได้ เพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งกระทรวงการคลังกำลังพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้

  3. มาตรการสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรมและที่พัก โดยให้สิทธิหักค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโรงแรมได้ 2 เท่า สำหรับเมืองรองโดยเฉพาะ โดยให้สิทธิ์ใช้จ่ายได้ถึงเดือน มี.ค.ปี 2569 โดยสามารถนำไปใช้ในการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ การติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อลดต้นทุนและความยั่งยืน การจัดทำระบบบำบัดน้ำเสีย

นอกจากนี้ยังมีการพิจารณามาตรการอื่นๆ เช่น การลดภาษีสถานบริการจาก 10% เหลือ 5% โดยประสานกระทรวงมหาดไทยและกรมสรรพสามิตเชื่อมโยงข้อมูลสถานบริการ เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้ดำเนินการถูกต้องสามารถเข้าสู่ระบบและได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างครอบคลุม 

ทั้งนี้ได้มีการหารือเรื่องการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณในปี 2569 วงเงินกว่า 3.78 ล้านล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมามีงบเหลือจ่ายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึงกว่า 300,000 ล้านบาท และงบลงทุนเบิกจ่ายได้แค่ 65% เท่านั้น ในปีนี้จึงมีมีการตั้งเป้าการเบิกจ่ายงบประมาณปกติไว้ที่ 93% และงบลงทุนฯไว้ที่ 75% รวมทั้งกำหนดเป็นตัวชี้วัด (KPI) ของหัวหน้าส่วนราชการด้วย โดยเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะติดตามเป็นรายเดือนและรายงานนายกรัฐมนตรีทราบ 

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ามาตรการเศรษฐกิจช่วงปลายปีของรัฐบาลจะดันให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.4% โดยยังไม่รวมกับมาตรการสินเชื่อที่จะลงไปเพิ่มเติมหลังจากนี้

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

 

related