svasdssvasds

"เกาหลีใต้" ส่งคณะพิเศษลุยกัมพูชา เร่งคลี่ปมลักพาตัว-ทรมานพลเมือง

"เกาหลีใต้" ส่งคณะพิเศษลุยกัมพูชา เร่งคลี่ปมลักพาตัว-ทรมานพลเมือง

เกาหลีใต้ส่งคณะทำงานพิเศษระดับสูงไปยังกัมพูชา เพื่อเร่งรัดการคลี่คลายคดีที่พลเมืองของตนถูกหลอกลวง ลักพาตัว และทรมาน ภารกิจหลักคือการผลักดันให้เกิดความร่วมมือในการสอบสวน

SHORT CUT

  • รัฐบาลเกาหลีใต้ส่งคณะทำงานร่วมพิเศษไปยังกัมพูชา เพื่อแก้ไขปัญหาพลเมืองถูกลักพาตัวและทรมานโดยแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ
  • ภารกิจหลักคือการเจรจาจัดตั้งทีมสอบสวนร่วมกับทางการกัมพูชา และประสานงานเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายชาวเกาหลีใต้
  • สถานการณ์วิกฤตขึ้นหลังพบว่ามีพลเมืองเกาหลีใต้ราว 80 คนขาดการติดต่อ และอีก 63 คนถูกควบคุมตัวในคดีฉ้อโกงออนไลน์
  • กัมพูชากลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของกลุ่มอาชญากร หลังมีการย้ายฐานปฏิบัติการจากพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงการปราบปราม

เกาหลีใต้ส่งคณะทำงานพิเศษระดับสูงไปยังกัมพูชา เพื่อเร่งรัดการคลี่คลายคดีที่พลเมืองของตนถูกหลอกลวง ลักพาตัว และทรมาน ภารกิจหลักคือการผลักดันให้เกิดความร่วมมือในการสอบสวน

รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศเริ่มภารกิจ "เร่งกู้ศักดิ์ศรี" เพื่อจัดการกับสถานการณ์พลเมืองของตนที่ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงและอาชญากรรมข้ามชาติในกัมพูชา ซึ่งเป็นคดีสะเทือนขวัญที่ทำให้ชาวเกาหลีใต้จำนวนมากถูกล่อลวง ถูกลักพาตัว และบางรายถึงขั้นถูกทรมานจนเสียชีวิต

รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ส่ง "คณะทำงานร่วมพิเศษ" เดินทางไปยังกรุงพนมเปญ เพื่อเจรจาระดับสูงกับทางการกัมพูชา หวังคลี่คลายสถานการณ์และนำผู้เสียหายกลับบ้าน

ภารกิจเร่งด่วน ใครไป และทำไมถึงต้องไป?

  • คณะทำงานชุดนี้นำโดย คิม จินอา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนที่ 2
  • ทีมงานประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงยุติธรรม, และสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ (NIS) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจริงจังของรัฐบาลในการรับมือกับอาชญากรรมข้ามชาติ

เป้าหมายหลัก

  • เจรจาความร่วมมือ เข้าพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชาโดยตรง เพื่อเน้นย้ำความร่วมมือในการสอบสวนคดี
  • ตั้งทีมสอบสวนร่วม หารือการจัดตั้ง “ทีมสอบสวนร่วม” ระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการเสียชีวิตของนักศึกษาเกาหลีใต้ที่ถูกทรมานเมื่อเดือนสิงหาคม ซึ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจอย่างกว้างขวางในเกาหลีใต้

เหยื่อและการส่งตัวกลับ 

ภารกิจของคณะทำงานไม่ได้จำกัดแค่การติดตามคดีอาชญากรรม แต่ยังรวมถึงการประสานงานเรื่องผู้ต้องขังชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชา

  • จำนวนผู้ถูกควบคุมตัว มีพลเมืองเกาหลีใต้ประมาณ 63 คน ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำกัมพูชา โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฉ้อโกงออนไลน์ (คอลเซ็นเตอร์)
  • ปัญหา "ไม่อยากกลับบ้าน" แม้รัฐบาลเกาหลีใต้จะพยายามนำตัวผู้ถูกออกหมายจับกลับประเทศก่อน แต่สถานการณ์กลับซับซ้อน เนื่องจากมีรายงานว่าผู้ต้องขังหลายคน “ไม่ต้องการเดินทางกลับ” ทำให้กระบวนการส่งตัวกลับเป็นไปอย่างล่าช้า

สถิติน่าตกใจ วิกฤตอาชญากรรมที่พุ่งสูง

ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของปัญหา

จำนวนผู้ที่ขาดการติดต่อ: ณ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีพลเมืองเกาหลีใต้ประมาณ 80 คน ที่เดินทางไปกัมพูชาแล้วไม่สามารถติดต่อได้ (คาดว่าถูกลักพาตัวหรือถูกกักขัง)

สถิติการร้องเรียนพุ่ง

  • ปี 2566 (ค.ศ.2023): 17 คดี
  • ปี 2567 (ค.ศ.2024): 220 คดี

ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดนี้ สะท้อนถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่พุ่งเป้ามาที่พลเมืองเกาหลีใต้

ทำไมกัมพูชาจึงกลายเป็น "ศูนย์กลางใหม่"

เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ชี้ว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้คดีเพิ่มขึ้น คือ การย้ายฐานของกลุ่มมิจฉาชีพ

  • การย้ายฐาน: กลุ่มมิจฉาชีพได้ย้ายศูนย์กลางปฏิบัติการจากพื้นที่ "สามเหลี่ยมทองคำ" (ชายแดนพม่า, ลาว, ไทย) มายังกัมพูชา
  • สาเหตุ: สืบเนื่องจากหลายประเทศประกาศให้พื้นที่สามเหลี่ยมทองคำเป็น “เขตห้ามเดินทาง” ตั้งแต่ต้นปี 2566

กัมพูชาจึงกลายเป็นศูนย์กลางใหม่สำหรับกลุ่มมิจฉาชีพที่ดำเนินการหลอกลวงเรื่องงานและการตั้ง คอลเซ็นเตอร์ที่ผิดกฎหมาย โดยมีชาวเกาหลีใต้เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักในการใช้แรงงาน

การตอบสนองทางการทูต

นอกจากคณะทำงานพิเศษแล้ว รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังพิจารณาแต่งตั้ง พัค อิล อดีตเอกอัครราชทูตประจำเลบานอน เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ในกัมพูชา ซึ่งตำแหน่งยังว่างอยู่ เพื่อให้การจัดการสถานการณ์วิกฤตนี้เป็นไปอย่างรวดเร็วและเป็นเอกภาพมากขึ้น ท่ามกลางเสียงเรียกร้องความช่วยเหลืออย่างร้อนแรงจากสังคมและครอบครัวของผู้สูญหาย

ที่มา : สำนักข่าว Yonhap 

related