svasdssvasds

ตึก สตง. ถล่ม วิกฤติศรัทธาและความเงียบหาย คนผิดยังลอยนวล

ตึก สตง. ถล่ม วิกฤติศรัทธาและความเงียบหาย คนผิดยังลอยนวล

โศกนาฏกรรมตึก สตง. ถล่ม พบสาเหตุหลักมาจากการออกแบบ-ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน สะท้อนคอร์รัปชันเชิงโครงสร้าง ทั้งการใช้นอมินี และฮั้วประมูล ที่พัวพันเจ้าหน้าที่รัฐกว่า

SHORT CUT

  • การถล่มของตึก สตง. สูง 30 ชั้น ซึ่งเกิดขึ้นหลังแผ่นดินไหวขนาด 7.7 เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 92 ราย มาจากสาเหตุหลักคือการออกแบบและก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน
  • โครงการก่อสร้างนี้สะท้อนปัญหาคอร์รัปชันเชิงโครงสร้าง
  • เหตุการณ์นี้ทำให้เกิด วิกฤติศรัทธาต่อ สตง. ในฐานะองค์กรอิสระ เนื่องจากถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถตรวจสอบตัวเองได้

โศกนาฏกรรมตึก สตง. ถล่ม พบสาเหตุหลักมาจากการออกแบบ-ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน สะท้อนคอร์รัปชันเชิงโครงสร้าง ทั้งการใช้นอมินี และฮั้วประมูล ที่พัวพันเจ้าหน้าที่รัฐกว่า

วันที่ 28 มีนาคม 2568 ภาพของตึกสูง 30 ชั้นที่ถล่มลงมาในเวลาไม่กี่วินาที หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.7 ศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศเมียนมา กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่คนทั้งประเทศจับตามอง ซึ่งจบลงด้วยยอดผู้เสียชีวิต อย่างน้อย 92 ราย

ตึก สตง. ถล่ม วิกฤติศรัทธาและความเงียบหาย คนผิดยังลอยนวล  

 

อาคารที่ทำการแห่งใหม่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่พังลงมาในชั่วพริบตา เป็นเพียงตึกเดียวในกรุงเทพมหานครที่พังถล่มลงมา ขณะที่อาคารอื่น ๆ ในพื้นที่ แม้ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง กลับไม่ได้รับผลกระทบในลักษณะเดียวกัน

ตึก สตง. ถล่ม วิกฤติศรัทธาและความเงียบหาย คนผิดยังลอยนวล

ผ่านมากว่า 6 เดือน ซากตึกค่อย ๆ ถูกเก็บกวาดจนหมด พร้อมกับความสนใจของสังคมที่เลือนหายไป เหมือนกับอีกหลายวงจรข่าว ที่เมื่อกระแสจาง ข่าวก็เงียบ และตัวละครที่ควรต้องมีส่วนรับผิดชอบ ก็กลับมาลอยหน้าลอยตาในสังคมได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

การถล่มของตึก สตง. ส่งสัญญาณให้ประชาชนตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของภาครัฐ ระบบจัดซื้อจัดจ้าง ปัญหาเชิงโครงสร้าง คอรัปชัน และช่องโหว่ที่ทำให้การเข้ามาทำธุรกิจอำพรางของคนต่างชาติ หรือ “นอมินี” เฟื่องฟู สร้างความสูญเสียให้เศรษฐกิจไทยมหาศาล ขณะที่ สตง. ถูกวิจารณ์ว่า ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบอย่างเพียงพอ ไฟลามทุ่งกลายเป็นวิกฤติศรัทธาต่อองค์กรอิสระ เพราะถ้าองค์กรอิสระยังตรวจสอบตัวเองไม่ได้ จะเอาความน่าเชื่อถือที่ไหนไปตรวจสอบองค์กรอื่น 

น่าเศร้าที่ผ่านไปเพียงครึ่งปี เรากลับหลงลืมการติดตามและทวงถามความคืบหน้าของกรณีดังกล่าว การถามหาความรับผิดชอบจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ค่อย ๆ เลือนหายไปจากหน้าสื่อ

ตึก สตง. ถล่ม วิกฤติศรัทธาและความเงียบหาย คนผิดยังลอยนวล

ย้อนรอยการก่อสร้าง

อาคารสำนักงานแห่งใหม่ของ สตง. เริ่มก่อสร้างจริงเมื่อราวปี 2564 ด้วยงบประมาณ 2,136 ล้านบาท โดยมีผู้ดำเนินการก่อสร้างคือกิจการร่วมค้า ไอทีดี–ซีอาร์10ที (ITD–CR10T) ระหว่างบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และ China Railway No. 10 Engineering Group (Thailand) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจจีนที่จดทะเบียนในประเทศไทย

ตลอดระยะเวลาการก่อสร้างเกิดปัญหาในหลายจุด โดยเฉพาะความล่าช้ากว่ากำหนด สิ้นสุดโครงการเดิมในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ทั้งยังมีข้อกล่าวหาหลายประการเกี่ยวกับความไม่ปกติของโครงการ รวมถึงการปรับแบบก่อสร้างหลายครั้ง หลังเกิดเหตุ สตง. ยืนยันว่าการก่อสร้างดำเนินไปตามข้อกำหนดของ พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยมีการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพตามแบบอย่างต่อเนื่อง พร้อมปฏิเสธข่าวลือเรื่องการปรับลดขนาดโครงสร้าง ย้ำว่าแบบอาคารและเสาทุกส่วนเป็นไปตามมาตรฐานทางวิศวกรรมตั้งแต่ต้น ไม่มีการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงใด ๆ

การก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน?

สาเหตุของการถล่ม เป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้สังคมออกมาตั้งคำถามถึงการทุจริตในโครงการ หลังจากมีการคาดเดาต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับสาเหตุที่แท้จริง เช่น นายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในขณะนั้น ที่ได้ออกมาบอกว่าการใช้เหล็กบางล็อตไม่ได้มาตรฐาน อาจส่งผลเพิ่มความเปราะบางของโครงสร้าง เหล็กดังกล่าวผลิตโดยบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด (Xin Ke Yuan Steel Co., Ltd.) โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้สั่งปิดโรงงานชั่วคราวตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 และอายัดเหล็กจำนวนหนึ่งที่ไม่ผ่านมาตรฐานไว้แล้ว อย่างไรก็ดี ทางบริษัทได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาพร้อมยืนยันว่าเหล็กที่ส่งมอบให้โครงการผ่านการตรวจคุณภาพตามมาตรฐานอุตสาหกรรมทุกขั้นตอน

ตึก สตง. ถล่ม วิกฤติศรัทธาและความเงียบหาย คนผิดยังลอยนวล

โดยในปลายเดือนมิถุนายน สาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้เปิดเผยผลการรตรวจสอบจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือหลายแห่ง ซึ่งระบุว่า สาเหตุหลักของการถล่ม มาจาก ออกแบบ-ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะส่วนผนังรับแรงเฉือน เช่น ผนังบันไดและผนังช่องลิฟต์ ซึ่งถูกใช้เป็นโครงสร้างหลักของอาคาร ขณะที่วัสดุก่อสร้างส่วนใหญ่ เช่น เหล็กและคอนกรีต ได้มาตรฐานทั่วไป แต่พบว่ามีบางส่วนของคอนกรีตที่ไม่ได้มาตรฐาน และการก่อสร้างไม่เป็นไปตามแบบหรือข้อกำหนดทางวิศวกรรม รวมถึงมีการลดขนาดวัสดุในบางจุด ทำให้โครงสร้างไม่สามารถรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ตามที่ออกแบบไว้ จนนำไปสู่การพังถล่มในที่สุด

นอมินี–ฮั้วประมูล

ความไม่ชอบมาพากลของโครงการนี้ ไม่ได้พบเห็นได้แค่ในวัสดุที่ใช้ก่อสร้าง เพราะถัดมาไม่นน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (Department of Special Investigation – DSI) ตรวจสอบพบความผิดปกติในโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท China Railway No. 10 (Thailand) โดยดีเอสไอระบุว่า ผู้ถือหุ้นคนไทย 3 คน ที่ถือหุ้นรวมกันร้อยละ 51 นั้น เป็นเพียง นอมินีของนักลงทุนชาวจีน นอกจากนี้ยังพบว่า CR10T ยังถือโครงการของรัฐไว้ในมืออีกหลายโครงการ รวมถึงส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ–นครราชสีมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นช่องโหว่ของระบบที่เอื้อให้ต่างชาติสามารถเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ได้อย่างไม่ชอบธรรม การใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายในลักษณะนี้เป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำลายเศรษฐกิจไทย และเอื้อให้เกิดการดำเนินธุรกิจโดยไร้ธรรมาภิบาล สร้างผลเสียทั้งด้านเศรษฐกิจและศรัทธาต่อระบบรัฐ

ที่ผ่านมา แม้รัฐจะพยายามอุดรอยรั่วดังกล่าว ก็ไม่เป็นผลสำเร็จเท่าที่ควร ไม่นานมานี้ก็ได้มีความพยายามที่จะจัดการกับปัญหานอมินีอย่างเด็ดขาด ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ ก็ได้ตั้งหน่วยงานภายใน และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย เพื่อหามาตรการป้องกันและกวาดล้างธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว รวมถึงธุรกิจที่กระทำผิดกฎหมาย

นอกจากนี้ DSI ยังพบว่ามีการ ฮั้วประมูล ในโครงการการก่อสร้างตึก สตง. โดยจากการสืบสวนพบว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐหลายระดับเข้ามาพัวพันมากกว่า 70 ราย ในเดือนมิถุนายน DSI ได้ส่งสำนวนกว่า 46 แฟ้มคดี ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ต่อไป

ตึก สตง. ถล่ม วิกฤติศรัทธาและความเงียบหาย คนผิดยังลอยนวล

ภาพสะท้อนของระบบ

การดำเนินธุรกิจในลักษณะนอมินี การใช้วัสดุที่ไม่ได้มารฐาน และการฮั้วประมูล คือภาพสะท้อนของช่องโหว่เชิงโครงสร้างที่เปิดทางให้คอรัปชันเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย

ในความสับสนอลหม่านนี้ องค์กรอิสระที่ควรจะเป็นที่พึ่งของประชาชน ตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในระบบ กลับไม่พ้นถูกตั้งคำถามเรื่องความโปร่งใสเสียเอง

สิ่งที่สังคมต้องติดตามต่อไป นอกเหนือจากคำถามว่า เรื่องนี้จะจบลงอย่างไร หรือ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ก็คือ รัฐจะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ระบบราชการมีธรรมาภิบาลมากขึ้น คอรรัปชันได้ยากขึ้น ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียควรต้องช่วยกันคิดต่อ ว่าในมิติของการจัดซื้อจัดจ้างและการก่อสร้างโครงการของรัฐ ประเทศไทยควรปรับปรุงกฎหมายและระเบียบอย่างไร เพื่อให้การปฏิบัติงานของรัฐมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ 

ความคืบหน้าล่าสุด

ตุลาคม 2568 – นับเป็นเวลาเกือบ 7 เดือนหลังเหตุการณ์สลด แต่ความคืบหน้าของคดีแทบไม่ปรากฏในหน้าข่าวอีกต่อไป ข้าราชการระดับสูงภายใน สตง. ซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ส่วนการสืบสวน พิสูจน์อัตลักษณ์ และกระบวนการเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ขณะที่ความตื่นตัวในการแก้ไขกฎหมายหรือปรับปรุงระเบียบจัดซื้อจัดจ้างก็เริ่มเงียบหายไปแม้มีการจับกุมผู้ต้องหาบางส่วนในคดีนอมินี แต่คดีส่วนใหญ่ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน บางส่วนยังค้างเติ่งอยู่ในมือสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 

นี่คือสิ่งที่เราในฐานะประชาชนต้องช่วยกันตามต่อ เพื่อไม่ให้โศกนาฏกรรมที่สร้างผลเสียอย่างใหญ่หลวงและส่งผลกระทบในวงกว้างนี้ เงียบหายไปเหมือนอีกหลายคดีคอรัปชั่นที่ผ่าน ๆ มา ที่เมื่อประชาชนและสื่อเลิกตามติด ข่าวคราวก็เงียบไป เปิดทางให้คนผิดลอยนวล เป็นวงจรอุบาทว์วนเวียนไปไม่จบสิ้น

รายงานชิ้นนี้ ได้รับการสนับสนุนโดย Journalist Against Corruption (JAC) ใต้ความร่วมมือกับ United Nations Office on Drugs and Crime (UNODC)

 

related