svasdssvasds

ราชการุณย์ พระเมตตา สมเด็จพระพันปีหลวง ช่วยเหลือชาวกัมพูชา

ราชการุณย์ พระเมตตา สมเด็จพระพันปีหลวง ช่วยเหลือชาวกัมพูชา

ศูนย์ราชการุณย์ เขาล้าน ปราการแห่งความเมตตาที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์กัมพูชานับล้าน ภายใต้พระราชเสาวนีย์ด้านมนุษยธรรมของสมเด็จพระพันปีหลวง

SHORT CUT

  • ประเทศไทยกลายเป็น "ที่พึ่งสุดท้าย" ให้กับชาวกัมพูชานับแสนนับล้านชีวิต ซึ่งต้องหนีตายจากระบอบเขมรแดง
  • สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในฐานะสภานายิกาสภากาชาดไทย เพื่อเป็นแกนนำในการจัดการวิกฤต
  • พระองค์ทรงจัดตั้งและดูแล "ศูนย์ราชการุณย์ สภากาชาดไทย เขาล้าน" ที่จังหวัดตราด

ศูนย์ราชการุณย์ เขาล้าน ปราการแห่งความเมตตาที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์กัมพูชานับล้าน ภายใต้พระราชเสาวนีย์ด้านมนุษยธรรมของสมเด็จพระพันปีหลวง

ชาวกัมพูชานับแสนนับล้านชีวิตต้องวิ่งหนีตายจากความโหดเหี้ยมของระบอบเขมรแดง ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็น "นรกบนดิน" ผู้คนเหล่านี้ต้องข้ามพรมแดนเข้าสู่ประเทศไทยในสภาพที่เรียกได้ว่า "หมดเรี่ยวแรง หิวโขย เกือบแบบสิ้นลมหายใจ"

ราชการุณย์ พระเมตตา สมเด็จพระพันปีหลวง ช่วยเหลือชาวกัมพูชา

พวกเขาไม่ได้แบกทรัพย์สมบัติใดมาด้วย นอกจากความหวังอันริบหรี่ว่าจะได้ชีวิตใหม่

ราชการุณย์ พระเมตตา สมเด็จพระพันปีหลวง ช่วยเหลือชาวกัมพูชา

ประเทศไทยในฐานะเพื่อนบ้านจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ แต่กลายเป็น "ที่พึ่งสุดท้าย" สำหรับเพื่อนมนุษย์ที่กำลังประสบภัยพิบัติ การรับมือกับคลื่นผู้อพยพขนาดมหึมาที่คาดว่ามีจำนวนนับล้านชีวิต

ในช่วงเวลาที่ไทยเองก็ต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและภัยคุกคามด้านความมั่นคง เป็นภารกิจที่หนักหนาสาหัส การช่วยเหลือจึงเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง โดยความร่วมมือจากรัฐบาลไทย องค์กรพัฒนาเอกชนระดับโลก และที่สำคัญที่สุดคือจิตใจอันเปี่ยมด้วยเมตตาของชาวบ้านธรรมดาที่พร้อมจะ "แบ่งข้าวคำเดียว" ให้กับผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา

ราชการุณย์ พระเมตตา สมเด็จพระพันปีหลวง ช่วยเหลือชาวกัมพูชา

การจัดการวิกฤตการณ์ขนาดนี้ จำเป็นต้องมีผู้นำที่มีบารมีและวิสัยทัศน์ที่สามารถผลักดันงานด้านมนุษยธรรมให้ก้าวข้ามข้อจำกัดทางการเมืองและการทูตได้ นั่นคือจุดที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในฐานะสภานายิกาสภากาชาดไทย พระองค์ทรงเป็นแกนนำในการจัดตั้งและดูแลศูนย์ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง

ภาระที่ประเทศไทยแบกรับนั้นใหญ่หลวงมาก รัฐบาลไทยและ UNHCR ได้ทำงานร่วมกันเพื่อระดมเงินช่วยเหลือเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของไทย แต่การปฏิบัติการภาคพื้นดินที่ต้องดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้อพยพจำนวนมหาศาลตลอดแนวชายแดน โดยเฉพาะที่จังหวัดตราด คือบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นด้านมนุษยธรรมของประเทศ

ศูนย์ราชการุณย์ ป้อมปราการแห่งความเมตตา

ศูนย์บริการภาคสนามแห่งนี้ได้รับการจัดตั้งขึ้นที่เขาล้าน จังหวัดตราด และได้รับพระราชทานนามอันเป็นมงคลว่า "ศูนย์ราชการุณย์ สภากาชาดไทย เขาล้าน" ซึ่งมีความหมายถึงความเมตตาที่แผ่ไพศาลของสถาบันพระมหากษัตริย์

หัวใจหลักของการดำเนินงานคือหลักการกาชาดที่มุ่งเน้นความเป็นกลางและการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์โดยไม่เลือกฝ่าย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ทรงประกาศจุดยืนที่ชัดเจนซึ่งเป็นหลักการสำคัญเหนือนโยบายการเมือง โดยทรงมีพระราชเสาวนีย์ในช่วงเวลานั้นว่า

"ฉันตัดสินใจจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เหล่านี้เท่าที่กำลังความสามารถฉันจะมี"

การที่พระองค์ทรงใช้ถ้อยคำที่เน้นย้ำถึง "เพื่อนมนุษย์" เป็นการประกาศเจตนารมณ์ว่าภารกิจนี้เป็นเรื่องของมนุษยธรรมล้วน ๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในขณะนั้น

การวางบทบาทที่ชัดเจนนี้ทำให้ศูนย์ราชการุณย์ฯ สามารถปฏิบัติงานช่วยเหลือขนาดใหญ่ได้อย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 7 ปีเศษ 

ราชการุณย์ พระเมตตา สมเด็จพระพันปีหลวง ช่วยเหลือชาวกัมพูชา

โดยสามารถหลีกเลี่ยงความตึงเครียดทางการทูต แม้ว่าในช่วงเวลาการให้ความช่วยเหลือและหลังจากนั้นหลายปี จะยังคงมีความขัดแย้งและเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะ แต่เจตนารมณ์ในการช่วยเหลือผู้หนีภัยก็ยังคงได้รับการเชิดชูไว้

จากเพิงชั่วคราวสู่เมืองแห่งความหวัง

ในช่วงแรกของการจัดตั้ง ศูนย์ราชการุณย์ฯ จำเป็นต้องตอบสนองต่อวิกฤตอย่างเร่งด่วน จึงมีการสร้างเพิงที่พักชั่วคราวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมุงด้วยแฝกและใบจาก พร้อมทั้งจัดตั้งหน่วยพยาบาลและอาคารที่ทำการชั่วคราวเพื่อบริหารจัดการการช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตาม วิสัยทัศน์ของสมเด็จพระพันปีหลวงก้าวข้ามไปไกลกว่าการให้แค่ความอยู่รอดในค่ายพักพิง การช่วยเหลือไม่ได้จำกัดอยู่แค่การรักษาพยาบาลและการส่งอาหาร แต่เป็นการ ฟื้นฟูศักดิ์ศรี และเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตในอนาคต ดังนั้น ศูนย์ฯ จึงได้มีการพัฒนาจากโครงสร้างชั่วคราวสู่การสร้างอาคารถาวร ซึ่งประกอบด้วยสถานที่สำคัญสำหรับการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ลี้ภัย

องค์ประกอบที่โดดเด่นของศูนย์ราชการุณย์ที่สะท้อนวิสัยทัศน์นี้ คือ การมี สถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า โรงเรียน และโรงฝึกอบรม การลงทุนในการศึกษาและฝึกอาชีพแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะมอบทักษะและความรู้ให้แก่ผู้ลี้ภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฝึกอบรมอาชีพนี้มีความสอดคล้องกับพระราชกรณียกิจด้านศิลปาชีพที่พระองค์ทรงดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง 

ทักษะที่ได้รับการฝึกฝน เช่น งานหัตถกรรมและการเย็บปักถักร้อย จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้ลี้ภัยสามารถพึ่งพาตนเองได้ และเตรียมพร้อมที่จะกลับไปยังประเทศของตนได้อย่างเข้มแข็งในอนาคต

ศูนย์ราชการุณย์ สภากาชาดไทย เขาล้าน ได้ทำหน้าที่เป็นบ้านที่ปลอดภัยให้กับผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานถึง "7 ปีเศษ" ตลอดระยะเวลาดังกล่าว ศูนย์ฯ ได้ให้ความอนุเคราะห์ช่วยเหลือผู้คน "นับล้านชีวิต"

การดำเนินงานได้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 หลังจากที่สถานการณ์ความมั่นคงในกัมพูชาเริ่มคลี่คลาย และผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่เดินทางกลับประเทศแล้ว แม้ว่าศูนย์จะปิดตัวลง แต่ภารกิจด้านมนุษยธรรมนี้ได้ทิ้งมรดกทางคุณค่าไว้ให้กับประเทศไทยและประชาคมโลก

ศูนย์ราชการุณย์ฯ จึงเป็นมากกว่าค่ายพักพิง แต่เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความเมตตาที่หยั่งรากลึกในวัฒนธรรมไทย ภายใต้การนำของสถาบันพระมหากษัตริย์ ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจึงกลายเป็นพลังขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาติ

จากสถานที่แห่งความทุกข์สู่สถาปัตยกรรมแห่งความทรงจำ

เมื่อศูนย์ฯ ปิดตัวลงในปี พ.ศ. 2529 สิ่งปลูกสร้างชั่วคราวส่วนใหญ่ได้เสื่อมสภาพและสลายไปตามกาลเวลาและสภาพอากาศที่ชุ่มฉ่ำของภาคตะวันออก 

พื้นที่ดังกล่าวถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่าอยู่ช่วงหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะธำรงไว้ซึ่งเรื่องราวอันทรงคุณค่านี้ สถานที่แห่งนี้ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาให้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งมนุษยธรรม โดยมีการก่อตั้ง "ศาลาราชการุณย์" หรือพิพิธภัณฑ์

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (พระอิสริยยศในขณะนั้น) เพื่อทรงเปิดพิพิธภัณฑ์อย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2537

พิพิธภัณฑ์ราชการุณย์แห่งนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณเท่านั้น แต่ทำหน้าที่ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าคือเป็น สถาบันการศึกษาเพื่อสันติภาพ 

สถานที่แห่งนี้บอกเล่าเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ลี้ภัยอย่างละเอียด สะท้อนให้เห็นถึงความโหดร้ายของสงคราม และเป็น "เครื่องเตือนใจ" ให้เรื่องราวในอดีตได้ถูก "เล่าขานบอกต่อ" มิใช่ให้ถูกกลืนหายไปกับโลกยุคใหม่

การเปลี่ยนพื้นที่จากค่ายผู้ลี้ภัยมาเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับจากสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ให้เป็นสถาปัตยกรรมดีเด่นประจำปี 2536 คือสัญลักษณ์อันทรงพลังของการเปลี่ยนผ่านจากความทุกข์ยากไปสู่การเยียวยาและการสร้างความหวัง 

นอกจากนี้ พื้นที่ชายหาดยังได้รับการปรับปรุงให้เป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับบุคคลทั่วไป ซึ่งเป็นการยืนยันว่าความเมตตาได้เปลี่ยนพื้นที่แห่งประวัติศาสตร์อันเจ็บปวดให้กลายเป็นมรดกที่สร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนในปัจจุบัน

ศูนย์ราชการุณย์ สภากาชาดไทย เขาล้าน ถือเป็นหนึ่งในพระราชกรณียกิจด้านมนุษยธรรมที่สำคัญที่สุดของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระองค์มิได้ทรงให้ความช่วยเหลือเพียงเพื่อให้ผู้คนรอดชีวิตเท่านั้น แต่ยังทรงมอบโอกาสในการฟื้นฟูศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ผ่านการศึกษาและการฝึกอาชีพ ทำให้โมเดลการจัดการผู้ลี้ภัยนี้เป็นต้นแบบของการช่วยเหลือแบบองค์รวม ที่ได้รับการยกย่องจากทั่วโลก

มรดกอันยิ่งใหญ่ที่ศูนย์ราชการุณย์ทิ้งไว้คือบทเรียนแห่งความเห็นอกเห็นใจ หลักการแห่งความเป็นกลาง และความเชื่อที่ว่าความเมตตาคือรากฐานที่มั่นคงที่สุดของการอยู่ร่วมกันในฐานะเพื่อนมนุษย์

 แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานหลายทศวรรษ เรื่องราวของเขาล้านก็ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจและเป็นแสงแห่งพระเมตตาที่ไม่เคยดับส่องนำทางสังคมไทย ให้ยึดมั่นในหลักการกาชาดและมนุษยธรรมตลอดไป

อ้างอิง

PRD / ศูนย์ราชการุณย์ / Khaolan / PRD2 / CPD / สภากาชาดไทย / Queen / 

 

related