
SHORT CUT
หลายคนอาจคิดว่า "ประกันชีวิต" เป็นเพียงการลดความเสี่ยงกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด แต่ความจริงแล้วประกันชีวิตก็เป็นสินทรัพย์ที่จะอัพเลเวลความมั่นคงให้คุณและครอบครัว
เมื่อพูดถึง 'ประกันชีวิต' สิ่งแรกที่คุณอาจนึกถึงคือการช่วยเหลือคนที่คุณรักในวันที่คุณลาจากไปแล้ว แต่กรมธรรม์ประกันชีวิตบางประเภทสามารถกลายเป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่คุณสามารถใช้ได้ตลอดชีวิต เช่นเดียวกับการลงทุน และในบางกรณียังสามารถช่วยลดภาระในการจ่ายภาษีได้ด้วยเช่นกัน
กรมธรรม์ประกันชีวิตที่สามารถเป็นสินทรัพย์ได้
จากบทความของ JP Morgan ระบุไว้ว่า หากคุณกำลังมองหากรมธรรม์ที่เหมาะสมกับคุณและต้องการมั่นใจว่ากรมธรรม์นั้นสามารถเป็นสินทรัพย์ได้ ควรพิจารณา 'กรมธรรม์ที่มีมูลค่าเงินสด' ซึ่งกรมธรรม์ประกันชีวิตที่เข้าข่ายนี้ส่วนใหญ่มักจะเป็น 'กรมธรรม์ประกันชีวิตแบบถาวร' ที่จะช่วยให้คุณสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น กองทุนรวม หรือกองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF) ได้
ประกันชีวิตถาวรที่สามารถใช้เป็นสินทรัพย์ได้มีอยู่ 2 ประเภทหลักๆ คือ ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ และประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (UL)
 
        
ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ เป็นประกันชีวิตแบบถาวรประเภทหนึ่งที่พบได้บ่อยที่สุด นอกจากผลประโยชน์กรณีเสียชีวิตแล้ว ผู้ถือกรมธรรม์ยังสามารถสะสมมูลค่าเงินสดได้ โดยเบี้ยประกันส่วนหนึ่งที่ต้องจ่ายทุกเดือนจะถูกนำไปเข้าบัญชีมูลค่าเงินสด ซึ่งจะสะสมเพิ่มขึ้นตามอัตราขั้นต่ำที่กรมธรรม์กำหนดไว้
ประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ ช่วยให้ผู้ถือกรมธรรม์สามารถสร้างสินทรัพย์เพิ่มขึ้นโดยการสะสมดอกเบี้ยตามระยะเวลา โดยที่เบี้ยประกันไม่ได้ถูกกำหนดตายตัวและไม่มีการรับประกันอัตราผลตอบแทนที่เงินของคุณจะได้รับในระยะยาว แต่ภายใต้กรมธรรม์ประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลมีสิ่งที่เรียกว่า "ประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลแบบแปรผัน" ซึ่งช่วยให้ผู้ถือกรมธรรม์สามารถนำเงินที่ได้รับไปลงทุนในบัญชีที่ตนเองเลือก (รวมถึงกองทุนรวม) เพื่อให้คุณมีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
วิธีใช้ประกันชีวิตให้เป็นทรัพย์สิน
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า หากเกิดกรณีที่จำเป็นต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน เราก็สามารถดึงเงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิตออกมาใช้ได้ด้วยหลายวิธี โดยบทความบนหน้าเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ไทยได้ให้คำแนะนำไว้ว่า กรมธรรม์ทุกฉบับ (ยกเว้นกรมธรรม์ควบการลงทุน : Unit Link) เมื่อมีการชำระเบี้ยตามกำหนดและต่อเนื่องเป็นเวลาตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป จะเริ่มมีมูลค่าเงินสดเกิดขึ้นตามตารางแห่งมูลค่าในกรมธรรม์ หนึ่งในนั้นคือ 'มูลค่าเวนคืนเงินสด'
มูลค่าเวนคืนเงินสด หรือมูลค่าเงินที่ขอคืนได้ก่อนครบกำหนดที่บริษัทประกันภัยจะจ่ายเงินคืน โดยสามารถทำได้ 2 กรณี คือ
 
        
ส่วนบทความของ JP Morgan แนะนำว่า คุณสามารถใช้กรมธรรม์เป็น 'หลักประกันเงินกู้' ซึ่งจะช่วยให้คุณได้รับการอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น หรือได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ดีขึ้น แต่ากคุณเสียชีวิตก่อนที่จะชำระหนี้ จำนวนหนี้ดังกล่าวจะถูกหักออกก่อนที่ผู้รับผลประโยชน์จะได้รับผลประโยชน์
กรมธรรม์บางประเภทยังให้คุณรับผลประโยชน์ได้ตลอดชีวิต หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ไม่คาดคิดหรือร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง หัวใจวาย หรือไตวาย โดยมักจะให้คุณถอนเงินได้ 25 - 100% ของมูลค่ากรมธรรม์ตามเงื่อนไขที่กำหนด
การสร้างความมั่นคงในระยะยาว
แม้ว่าประกันชีวิตแบบตลอดชีพจะเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์ แต่ก็ไม่ใช่ทางออกที่ครบวงจร สิ่งสำคัญคือการทบทวนแผนการลงทุน ยิ่งแผนของคุณมีความหลากหลายมากเท่าไหร่ ผลลัพธ์สุดท้ายก็จะยิ่งดีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ประกันชีวิตยังคงเป็นทางเลือกที่ดีที่จะช่วยมอบความอุ่นใจทางการเงินให้กับตัวคุณเองและคนที่คุณรัก โดยเฉพาะหากคุณคือเสาหลักของครอบครัวและต้องการหลีกเลี่ยงการปล่อยให้คู่สมรสหรือลูกๆ ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากทางการเงิน เพียงเท่านี้ก็คุ้มค่าที่จะจ่ายเบี้ยประกันประกันชีวิตแล้ว แต่อย่าลืมว่าควรการพิจารณาภาพรวมทางการเงินก่อนตัดสินใจได้ว่า 'ประกันชีวิต' แต่ละรูปแบบนั้นเหมาะสมกับคุณหรือไม่
