
ททท.-เอกชน ชี้ไทยต้องเร่งปรับตัวฟื้นฟูความเชื่อมั่นการท่องเที่ยว พร้อมหากลยุทธ์ตอบโจทย์นักเดินทางที่เปลี่ยนแปลง คู่กับพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อคงความเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวชั้นนำของโลก
The Nation ได้จัด Round table หัวข้อ “Rebuilding Thai Tourism Trend: Travel for New Gen” เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยเชิญผู้นำในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมาพูดคุย เพื่อวางแผนการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งกำลังเผชิญกับภาวะการฟื้นตัวที่ล่าช้า และการแข่งขันในระดับภูมิภาคที่เพิ่มสูงขึ้นฃ
ภาคธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศไทยกำลังเดินหน้าฝ่าวิกฤตความท้าทายระยะสั้นอย่างเต็มกำลัง โดยผู้นำจาก 3 ภาคส่วนหลัก ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), สมาคมโรงแรมไทย, และบริษัท การบินไทย ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว การปรับตัวให้เข้ากับความต้องการยุคใหม่ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะช่วยให้ประเทศไทยคงความเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวโลกไว้ได้อย่างยั่งยืน รักษาตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของโลก
โดยนายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยวในระยะสั้น มาจากจำนวนนักท่องเที่ยวระยะใกล้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง แต่หากดูจำนวนนักท่องเที่ยวระยะไกลจากยุโรป และสหรัฐฯ ยังเพิ่มขึ้น ซึ่ง เรายังไม่อาจบอกได้ว่า ทุกอย่างดีขึ้นหมดแล้ว แต่แนวโน้มกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ
นายนิธี กล่าวด้วยว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังคงมีความประทับใจต่อประเทศไทย และนิยมแชร์ประสบการณ์ผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งสะท้อนภาพลักษณ์ของไทยว่า เป็นประเทศที่ปลอดภัย และมีผู้คนเป็นมิตร แต่แม้จะมีจุดแข็งดังกล่าว แต่ประเทศไทย ก็ต้องเร่งปรับตัวให้ทันต่อเทรนด์ท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป
นักท่องเที่ยวยุคใหม่ต้องการสิ่งที่แตกต่างออกไป อย่สงนักท่องเที่ยวคนรุ่นใหม่เริ่มหันไปเที่ยวจุดหมายที่เคยเป็นที่นิยมของคนรุ่นก่อน ดังนั้นเราจึงต้องเปลี่ยนภาพลักษณ์ โดยใช้พลังของ ป๊อปคัลเจอร์และคอนเทนต์เพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่
สำหรับความท้าทายของ ททท. คือ การบริหารจัดการด้านการตลาด ระยะสั้น และระยะยาว เนื่องจากนักท่องเที่ยวระยะสั้น โดยเฉพาะจากจีน มักสนใจแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น ในขณะที่นักท่องเที่ยวระยะยาว จะมองหาความแปลกใหม่และประสบการณ์ท้องถิ่น ดังนั้น ไทย ควรพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่มนุษย์สร้างขึ้น ควบคู่กับการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม
ททท.ยังมีแผนร่วมมือกับเอเจนซี่ท่องเที่ยวออนไลน์ (Online Travel Agent: OTA) และอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อโปรโมตงานวัฒนธรรม และเมืองรอง เช่น จันทบุรี ที่ขึ้นชื่อเรื่องทุเรียน พร้อมจะประสานงานกับโรงแรมและร้านอาหารเพื่อยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้เพิ่มเที่ยวบินระหว่างประเทศ เนื่องจาก บางเส้นทางยังไม่กลับมาสู่ระดับเดิม ก่อนเกิดวิกฤตโควิด
ขณะที่ นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า แม้สถานการณ์ท่องเที่ยวในประเทศไทยเริ่มฟื้นตัว แต่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังต่ำกว่าปีก่อน และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีจะอยู่ที่ราว 34 ล้านคน ดังนั้นสิ่งที่ควรเร่งพัฒนา คือการเชื่อมต่อด้านการเดินทาง โดยเฉพาะการเพิ่มเที่ยวบิน รวมถึงเสนอให้มีโครงการรถไฟเชื่อมต่อระหว่างอาเซียนกับจีน พร้อมแนวคิดลดราคาตั๋วรถไฟเพื่อส่งเสริมการเดินทาง รวมถึง เสนอให้ ไทยสร้างแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นมากขึ้น และไทย ยังมีจุดแข็งด้านมรดกทางวัฒนธรรม และ สตรีทฟู๊ด ที่เป็นจดแข็งที่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ในประเด็นความปลอดภัย นายเทียนประสิทธิ์ เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อคลายความกังวลของนักท่องเที่ยวจีน แม้มีความท้าทาย แต่เขายังเชื่อมั่นว่าไทยยังคงเป็นหนึ่งในสามจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวอิสระ (FIT) คิดเป็น 80-90% ของนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมด ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพของตลาดท่องเที่ยวไทย
ในมุมของสายการบิน นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นักท่องเที่ยวระยะไกล โดยเฉพาะจากยุโรปและออสเตรเลีย มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 10% ซึ่งช่วยชดเชยการลดลงของนักท่องเที่ยวจีนได้ แต่ประเด็นเรื่องความปลอดภัย เป็นสิ่งที่ เราต้องจริงจังในการแก้ไขปัญหา แต่ถ้าปล่อยไว้ มันจะกลายเป็นปัญหาระยะยาวถาวรได้
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย ยังกล่าวด้วยว่า นักลงทุนจีน ที่ลดลงนอกจากกังวลเรื่องความปลอดภัยแล้ว ค่าเงินบาทที่แข็งค่า และการแข่งขันจากประเทศอื่นที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น ก็เป็นประเด็นที่นักท่องเที่ยวกังวล ดังนั้นในการแก้ปัญหาต้องปรับให้เหมาะสมกับตลาดนั้นๆ
ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะเป็นผู้นำการท่องเที่ยวอันดับหนึ่งในอาเซียน แต่ความสำเร็จนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะหน่วยงานของรัฐ และการท่องเที่ยวไม่ใช่หน้าที่ของ ททท. เพียงองค์กรเดียว แต่เป็นความร่วมมือของทุกฝ่าย ซึ่งเชื่อมั่นว่าหากทุกภาคส่วนร่วมมือกัน ประเทศไทยจะสามารถฟื้นความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวได้ภายในไม่กี่เดือน”