โลจิสติกส์จีนสุดล้ำติดปีกขนส่งทุเรียนไทยถึงไวใน 1 วัน

เมื่อความสดใหม่ของผลไม้จากไทย คือ โจทย์สำคัญที่จะทำให้ผู้บริโภคชาวจีน เลือกซื้อสินค้าจากเรามากขึ้น การขนส่งทุเรียนจากไทยไปจีนก็ต้องตอบโจทย์เรื่องความเร็วในการขนส่ง ทีมข่าว SPRiNG ร่วมเดินทางไปกับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ในโครงการ “มองจีนยุคใหม่สิ่งที่สื่อไทยควรรู้” รุ่นที่ 7 ไปเยือนมณฑลกว่างซีจ้วง พบว่า ระบบขนส่งสินค้าของจีนพัฒนาอย่างรวดเร็วราวกับติดปีก นำ AI มาใช้บริหารจัดการ ลดเวลา กระบวนการขั้นตอนต่างๆ โดยเฉพาะลดการใช้แรงงานคน ทำให้สินค้าส่งถึงที่หมายได้เร็วสุด

ด่านรถไฟผิงเสียง ติดสปีดทุเรียนไทย  

ที่ศูนย์โลจิสติกส์ด่านรถไฟผิงเสียง เมืองผิงเสียง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง หนึ่งในศูนย์ขนส่งสินค้าทางรางที่สำคัญของการรถไฟแห่งประเทศจีน ที่นี่เป็นประตูเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงจีนกับกลุ่มประเทศอาเซียน และ เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ ที่รัฐบาลจีนใช้ขับเคลื่อนโครงการ One Belt One Road และ การค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน

ด่านผิงเสียงห่างจากชายแดนเวียดนามเพียง 14 กิโลเมตร เป็นจุดผ่านแดนที่สั้นที่สุด จากจีนเข้าสู่ภูมิภาคอาเซียน สินค้าที่เดินทางมาจากประเทศไทยผ่านด่านนี้ สามารถขนส่งได้ไกลถึงเซี่ยงไฮ้ ที่นี่จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง สำหรับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะในช่วงฤดูผลไม้ เพราะมีระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจร ทั้งคลังสินค้า และ ศูนย์ตรวจสอบ 

“รถไฟจากเวียดนามข้ามแดนมาจีน สามารถเดินทางถึงที่หมายได้ภายในหนึ่งวัน จึงเป็นข้อดีที่ทำให้ผลผลิตจากไทยอย่างทุเรียน ขนุน และ ลำไยอบแห้ง เดินทางเข้าจีนสามารถคงความสดใหม่ไว้ได้”

ข้อได้เปรียบของการขนส่งทางรถไฟ คือ ขนได้จำนวนมาก ครั้งละ 20 ถึง 25 ตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงและแรงงาน แถมยังเพิ่มความถี่ในการขนส่งได้มากสุดวันละ 3 รอบ เป็นข้อดีการส่งออกในช่วงฤดูผลไม้ที่มีความต้องการสูงและต้องการส่งด่วน

รัฐบาลกว่างซีได้ลงทุนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ทั้งด้าน ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะการใช้ระบบท่าเรือดิจิทัลที่บูรณาการความร่วมมือระหว่างทางรถไฟ ศุลกากร และ ด่านชายแดน ทำให้สามารถลดระยะเวลาพิธีการศุลกากรเหลือเพียง 3 ถึง 4 นาที เท่านั้น

ด่านโหย่วอี้กวน อีกหนึ่งเส้นทางขนส่งด่วน 

ด่านชายแดนจีน-เวียดนาม โหย่วอี้กวน เมืองผิงเสียง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง เป็นด่านรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ มีรถบรรทุกขนสินค้าประมาณ 1,300-1,500 คันต่อวัน ขาเข้า 6 รอบ ขาออก 6 รอบ 

สินค้านำเข้าจากกลุ่มประเทศอาเซียน ส่วนใหญ่เป็นผลไม้ เจ้าหน้าที่ผู้ให้ข้อมูลระบุว่า ทุเรียน 9 ใน 10 ลูกที่มาจากอาเซียน จะเข้ามาทางด่านแห่งนี้ ในแต่ละวันจะมีทุเรียนไทยเข้าด่านโหยวอี้กวานประมาณ 220 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือประมาณ 28 ตันต่อตู้

ด่านโหย่วอี้กวาน เป็นด่านสากลทางบกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีปริมาณการค้ามากที่สุดระหว่างจีน-เวียดนาม เป็นด่านปลายทางของเส้นทาง R9 (มุกดาหาร) R12 (นครพนม) จึงเป็นด่านทางบกนำเข้าผลไม้ที่ผู้ประกอบการบริษัทนำเข้าผลไม้เลือกใช้มากที่สุดด่านหนึ่ง 

ล่าสุดด่านโหย่วอี้กวนพัฒนาเป็นระบบอัจฉริยะ ใช้เทคโนโลยีระบบนําทางด้วยดาวเทียมและสัญญาณ 5G ใช้รถขนส่งตู้คอนเทนเนอร์แบบไร้คนขับ อุปกรณ์เครนอัตโนมัติ ระบบตรวจสอบตู้คอนแทนเนอร์ ลดขั้นตอนพิธีการทางศุลกากร และแรงงาน ด่านนี้สามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมง การขนส่งสินค้าจากกรุงฮานอยของเวียดนามถึงเมืองหนานหนิง มณฑลกว่างซีจึงทำได้ภายใน 24 ชั่วโมง 

ขนส่งทางทะเลด้วยท่าเรืออัจฉริยะ 

ส่วนการขนส่งทางทะเลผ่าน “ท่าเรืออ่าวเป่ยปู้” หรือ ที่คนไทยรู้จักในนามอ่าวตังเกี๋ย กลุ่มท่าเรืออ่าวเป่ยปู้ประกอบด้วย ท่าเรือชินโจว (Qinzhou Port) ท่าเรือเป๋ยไห่ (Beihai Port) และ ท่าเรือฝางเฉิงก่าง (Fangchenggang Port) SPRiNG ได้ไปเยี่ยมชม ท่าเรือชินโจวท่าเทียบเรือตู้คอนเทนเนอร์อัตโนมัติเต็มรูปแบบแห่งแรกของจีน 

ท่าเรืออัจฉริยะแห่งนี้ใช้ระบบอัตโนมัติเกือบ 100% จุดเด่น คือ เครนยกและรถขนส่งตู้คอนเทนเนอร์แบบไร้คนขับ เชื่อมต่อกับทางรถไฟของระเบียงการขนส่งทางบก-ทางทะเลระหว่างประเทศ รถขนย้ายตู้คอนเทนเนอร์แบบอัตโนมัติวิ่งถึงจุดขนถ่ายขึ้นรถไฟได้ในไม่กี่นาที ควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ทั้งหมด 

ระบบเครนอัตโนมัติสามารถคัดแยกประเภทของสินค้าผ่านการอ่านหมายเลขบนตู้คอนเทนเนอร์ และในพื้นที่ยกและลำเลียงติดตั้งมีกล้อง AI ตรวจจับสิ่งแปลกปลอมที่อาจขัดขวางการทำงาน เช่น คนหรือรถ

เส้นทางขนส่งสินค้าของท่าเรืออ่าวเป่ยปู้ ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ยู่ที่ 91 เส้นทาง (ในประเทศ 35 นอกประเทศ 56) โดยเชื่อมต่อกับไทยที่ท่าเรือแหลมฉบัง

ในขณะที่ผลไม้จากไทยได้ติดสปีด ผ่านเส้นทางการขนส่งอัจฉริยะที่ทำให้เดินทางได้เร็ว สะดวกขึ้น และสดใหม่มากขึ้น อีกมุมหนึ่งสินค้าจีนที่ส่งมายังไทยก็ได้เปรียบไม่แพ้กันผ่านช่องทาง รถ ราง เรือ ที่บ้านเขาพัฒนาขึ้น