
SHORT CUT
ปัญหาหมาจรจัดไทย ต้องได้รับการแก้ไข TwoLivesChanged มาร์ส ประเทศไทย จับมือมูลนิธิใจด็อก เรสคิว ส่งเสริมการอุปการะสัตว์จากศูนย์พักพิงเป็นตัวเลือกแรกในการรับสัตว์เลี้ยงเข้าครอบครัว
ปัญหาสุนัขจรจัดในประเทศไทยเป็นปัญหาหนึ่งที่ต้องได้รับการแก้ไข เพราะ…นับว่าเพิ่มขึ้น ดังนั้นต้องมีการควบคุมประชากรด้วยการทำหมั้นเพื่อไม่ให้เพิ่มมากขึ้นไปกว่านี้ รวมถึงสุนัขที่ได้รับบาดเจ็บจากการทำคนใจร้ายทำร้าย โดยหลายภาคส่วนมีความพยายามในการแก้ไขปัญหานี้ โดยล่าสุด มาร์ส ผู้นำด้านการดูแลสัตว์เลี้ยง เจ้าของแบรนด์ที่คนรักสัตว์และสัตว์เลี้ยงชื่นชอบอย่าง PEDIGREE®, WHISKAS®, CESAR®, BANFIELD™, BLUEPEARL™, VCA™ และ ANTECH® เดินหน้าตามพันธกิจในการแก้ไขปัญหาสัตว์จรจัดในประเทศไทย
โดยร่วมมือกับมูลนิธิใจด็อก เรสคิว จังหวัดนครนายก เพื่อรณรงค์ให้การอุปการะสัตว์เลี้ยงจากศูนย์พักพิงเป็นทางเลือกแรกของคนรักสัตว์ที่ต้องการรับสัตว์เลี้ยงเข้าบ้าน ภายใต้แนวคิด #TwoLivesChanged ที่ตอกย้ำว่าการอุปการะสามารถ “เปลี่ยนแปลงสองชีวิต” ทั้งชีวิตสัตว์เลี้ยงและผู้รับอุปการะได้พร้อมกัน
‘ไมค์ ดาวเวอร์’ ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการ มูลนิธิใจด็อก เรสคิว กล่าวว่า สถานการณ์สุนัขและแมวที่จรจัดในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยมูลนิธิแห่งหนึ่งกำลังดำเนินภารกิจเพื่อแก้ไขปัญหาสัตว์จรจัด แต่อัตราการรับอุปการะสัตว์จากศูนย์พักพิงในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งนี่คือความท้าทายที่เราต้องร่วมกันแก้ไขผ่านการสื่อสารและการให้ความรู้ร่วมกับพันธมิตรอย่างมาร์ส ประเทศไทย เราภูมิใจในความร่วมมือที่ช่วยให้สุนัขหลายร้อยชีวิตได้เริ่มต้นใหม่ ทั้งในจังหวัดนครนายกและทั่วประเทศ
สำหรับการทำงานในจังหวัดนครนายก พบว่า ประชากรสุนัขทั้งหมดในพื้นที่อยู่ที่ประมาณ 80,000 ตัว ซึ่งรวมถึงสุนัขที่มีเจ้าของ สุนัขที่ถูกปล่อยอิสระ และสุนัขชุมชน ในจำนวนนี้มีเพียง 10-13% เท่านั้น ที่ถือว่าเป็นสุนัขจรจัด 100% ซึ่งคิดเป็นประมาณ 8,000 ถึง 10,400 ตัว นอกจากปัญหาสุนัขจรจัดแล้ว ยังมีสุนัขที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะเป็นสุนัขที่ชาวบ้านหรือหน่วยงานท้องถิ่นแจ้งเข้ามาให้เข้าช่วยเหลือ โดยเฉพาะกรณีที่สุนัขบาดเจ็บหนัก เช่น ขาหัก ไม่สามารถเดินหรือกินได้ตามปกติ และจำเป็นต้องมีคนดูแลตลอดเวลา ปัจจุบันศูนย์พักพิงแห่งนี้รองรับสุนัขขนาดใหญ่ที่บาดเจ็บและอยู่ระหว่างการรักษาฟื้นฟูรวมกว่า 100 ตัว
ปัจจุบันการรักษาอาการบาดเจ็บของสุนัขจะทำได้ค่อนข้างเร็ว แต่ปัญหาสำคัญที่ทำให้การช่วยเหลือสุนัขตัวใหม่เข้ามารับการรักษาได้จำกัด คือ ความล่าช้าในการหาบ้านให้สุนัขที่หายดีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมกับหลายองค์กรเพื่อควบคุมประชากรสัตว์จรจัดผ่านโครงการทำหมัน (CBR project) มาตั้งแต่ปี 2018 แต่จำเป็นต้องมีการควบคุมประชากรและทำหมันให้ได้ถึง 80% ของจำนวนสุนัขทั้งหมด เพื่อให้จำนวนสุนัขเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัดในอีก 6-8 ปีข้างหน้า
ด้าน ‘ดร.ซูซาน หว่าน’ รักษาการผู้จัดการทั่วไป มาร์ส เพ็ท นิวทริชัน ประเทศไทยและอินโดจีน เปิดเผยว่า มาร์สได้ร่วมมือกับศูนย์พักพิงสุนัขและแมว 4 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ มูลนิธิเดอะวอยซ์ มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย มูลนิธิใจด็อก เรสคิว และบ้านน้องหมาน้องแมวประเวศโฉมใหม่ ในสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยให้การสนับสนุนด้านอาหารสัตว์คุณภาพสูง ที่มีโภชนาการครบถ้วนและมีความสมดุล นอกจากนี้ยังดำเนินการจัดกิจกรรมเสริมความรู้ และสร้างการรับรู้ในวงกว้างเกี่ยวกับการรับอุปการะสัตว์เลี้ยง รวมถึงการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อเชื่อมโยงคนรักสัตว์กับสุนัขและแมวที่พร้อมรับอุปการะจากศูนย์พักพิง
มูลนิธิใจด็อก เรสคิว เป็นศูนย์พักพิงสุนัขที่ปฏิบัติตามหลักสวัสดิภาพสัตว์สากลทั้ง 5 ประการ โดยให้ความสำคัญทั้งด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจของสุนัข ศูนย์ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติใกล้อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ให้การดูแลสุนัขมากกว่า 100 ตัวที่ต้องการการพักพิงชั่วคราวในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและอบอุ่น ซึ่งมาร์ส ประเทศไทยทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่างมูลนิธิใจด็อก เรสคิว สนับสนุนอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีโภชนาการครบถ้วนและมีความสมดุล พร้อมร่วมเสริมพลังให้ศูนย์ดำเนินโครงการทำหมันและฉีดวัคซีนสุนัขจำนวน 70,000 ตัวภายในปี 2569 ครอบคลุมมากกว่า 80% ของประชากรสุนัขในจังหวัดนครนายก
อย่างไรก็ตามมูลนิธิใจด็อก เรสคิว เชื่อว่าสุนัขทุกตัวสมควรได้รับโอกาสครั้งที่สอง ความร่วมมือกับมาร์สช่วยเปิดประตูให้สุนัขเหล่านี้ได้พบครอบครัวที่พร้อมมอบความรักและการดูแลอย่างใกล้ชิด เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมาย สุนัขกลับมาเชื่อใจและมีความมั่นใจอีกครั้ง ผู้รับอุปการะเองก็ได้พบความอบอุ่นทางใจและความสุขจากการต้อนรับสมาชิกใหม่เข้าสู่ครอบครัว สิ่งนี้คือแรงบันดาลใจที่ทำให้เรามุ่งมั่นเดินหน้าต่อไป เพื่อให้สุนัขไร้บ้านทุกตัวมีโอกาสเริ่มต้นใหม่
สำหรับเหตุผลที่จต้องการให้ผู้ใหญ่ใจดีมารับไม้ต่อพาน้องๆไปเลี้ยงดูต่อ คือ ได้เล็งเห็นการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยในปัจจุบันคนไทยมีแนวโน้มที่จะมีลูกน้อยลง และมีชีวิตที่อยู่คนเดียวโดดเดี่ยวเดียวดายมากขึ้นจากการเป็นสังคมเมืองทำให้เทรนด์การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพิ่มสูงขึ้น มูลนิธิจึงต้องการวอนให้ประชาชนเลือกรับสุนัขจากศูนย์พักพิงเป็นทางเลือกแรก
โดยมูลนิธิเน้นย้ำถึงการเลี้ยงสัตว์อย่างมีความรับผิดชอบ และต้องการให้ความรู้แก่เจ้าของสัตว์เลี้ยงเพื่อตระหนักถึงปัญหาของการปล่อยปละละเลยสัตว์
สำหรับผู้ที่สนใจรับอุปการะสุนัข จะต้องผ่านกระบวนการคัดกรองที่เข้มงวด ดังนี้
1. การสัมภาษณ์และสอบถามข้อมูล ผู้ขอรับจะต้องเข้าสู่การพูดคุยสัมภาษณ์
2. พบปะสุนัข มีการให้ผู้สนใจเข้าพบกับสุนัขตัวจริง
3. เยี่ยมบ้าน มูลนิธิจะมีการเดินทางไปเยี่ยมและตรวจสอบสภาพบ้าน (เช่น รั้วรอบขอบชิด) ก่อนตัดสินใจให้รับไปเลี้ยง เพื่อป้องกันไม่ให้สุนัขถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม
4. การติดตามผล มูลนิธิจะติดตามผลอย่างต่อเนื่องตามขั้นตอน (3 วัน 3 อาทิตย์ 3 เดือน) เพื่อช่วยให้ผู้รับเลี้ยงและสุนัขสามารถปรับพฤติกรรมและวิถีชีวิตให้เข้ากันได้
นอกจากนี้มูลนิธิยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่สามารถรับสุนัขไปเลี้ยงได้ สามารถร่วม โครงการสปอนเซอร์ เพื่อบริจาคเงินช่วยเหลือค่าใช้จ่าย เช่น ค่ารักษาพยาบาลหรือค่ายาสำหรับสุนัขที่ป่วยเป็นรายเดือน
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาชิกใหม่เข้าสู่ครอบครัว มาร์สขอเชิญเข้ามาเยี่ยมชมและอุปการะสุนัขจากมูลนิธิใจด็อก เรสคิว หรือ ที่พอร์ทอลการรับอุปการะสัตว์เลี้ยง www.TH.WeR4HappyTails.com ของมาร์ส ซึ่งเป็นเว็บไซต์ศูนย์กลางที่มาร์สจัดทำขึ้นเพื่อเชื่อมต่อคนรักสัตว์กับศูนย์พักพิงพันธมิตรที่ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง และเปิดโอกาสให้เลือกสัตว์เลี้ยงให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเจ้าของเพื่อให้พวกเขาได้ “บ้านหลังสุดท้าย” ที่อบอุ่นและเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง