ชป.สั่งเร่งระบายน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่างลงสู่อ่าวไทย

ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) รายงานว่า ปัจจุบันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำเต็มความจุ จำเป็นต้องระบายน้ำเพื่อรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงของเขื่อน ในอัตราประมาณ 901 ลบ.ม./วินาที ซึ่งปริมาณน้ำนี้จะไหลลงไปรวมกับน้ำที่มาจากคลองชัยนาท - ป่าสัก ก่อนจะไหลผ่านเขื่อนพระรามหก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ดร.เสรี ชี้ "น้ำท่วม 2565" ไม่เท่าฝันร้ายน้ำท่วม 54 แต่วิกฤต - ยืดเยื้อ

• เขื่อนเจ้าพระยาสถานการณ์น้ำขั้นวิกฤติ เร่งระบายน้ำเพิ่มตั้งแต่วันนี้

• 10 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยา-ป่าสัก เตรียมรับมือระดับน้ำในแม่น้ำสูงขึ้น

• เช็กระดับน้ำพื้นที่ กทม. จุดไหนวิกฤตบ้าง ? ภายนอก-ภายในคันป้องกันน้ำท่วม

• กรมชลฯ เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำทุ่งเจ้าพระยาตะวันตก ป้องกันน้ำท่วม

โดยได้ใช้ระบบชลประทานฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา รับน้ำส่วนหนึ่งผ่านประตูระบายน้ำพระนารายณ์ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ลงสู่คลองระพีพัฒน์ ตามศักยภาพของคลองที่รับได้ ก่อนจะลำเลียงน้ำลงสู่คลอง 13 และคลองในแนวเหนือ-ใต้ เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่แม่น้ำนครนายก แม่น้ำบางปะกง และอ่าวไทยตามลำดับ เพื่อช่วยลดปริมาณน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่ปัจจุบันมีปริมาณน้ำค่อนข้างมาก รวมถึงช่วยบรรเทาและลดผลกระทบในพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ โดยปริมาณน้ำดังกล่าวไม่ได้ผ่านเข้าสู่พื้นที่เทศบาลนครรังสิต จังหวัดปทุมธานี แต่อย่างใด

ส่วนปริมาณน้ำที่เหลือจะควบคุมให้ไหลผ่านท้ายเขื่อนพระรามหกในอัตรา 1,043 ลบ.ม./วินาที และไหลมาบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยปัจจุบัน ที่สถานีวัดน้ำ C.29A อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ย 2,982 ลบ.ม./วินาที

สายด่วนกรมชล1460