ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งตำรวจภูธรภาค 9 เร่งติดตามตัว“จ่าเบิร์ด” ยิงนักเที่ยวดับกลางผับ จ.ตรัง ก่อนเพ่นหนีไปกับปืนยาว เสื้อเกราะ พร้อมให้ตรวจสอบนำปืนหลวง ก่อเหตุนอกเวลาราชการ หากพบผู้บังคับบัญชาบกพร่องต้องลงโทษทางวินัย
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ติดตามตัว จ.ส.ต.ชุติพนธ์ นาคแก้ว หรือ จ่าเบิร์ด ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม สถานีตำรวจภูธรบ้านหนองเอื้อง จังหวัดตรัง ปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการ ชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง ตำรวจภูธรจังหวัดตรัง มาดำเนินคดี หลังก่อเหตุยิงคู่กรณีเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บ ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง
ส่วนสาเหตุเบื้องต้นพบว่า มาจากเรื่องส่วนตัว ประกอบกับความมึนเมา ที่ผู้ก่อเหตุได้เข้าไปเที่ยวในสถานบันเทิง และมีเรื่องกระทบกระทั่งกับกลุ่มนักท่องเที่ยวจนก่อเหตุขึ้น
“สั่งการให้ตรวจสอบว่า เหตุใดตำรวจคนดังกล่าว จึงนำปืนของราชการไปใช้ในการก่อเหตุ เนื่องจาก ส่วนงานของผู้ก่อเหตุไม่มีความจำเป็นต้องใช้อาวุธปืน รวมถึงในช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นช่วงเวลานอกราชการ หากพบว่า มีความบกพร่องของผู้บังคับบัญชาร่วมด้วย ก็จะต้องลงโทษทางวินัยตามสายบังคับบัญชา”
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ยอมรับว่า เหตุความวุ่นวายที่มีตำรวจเป็นผู้ก่อเหตุ ทั้งที่จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดตรัง ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะกำชับทุกหน่วยในการป้องกันเหตุอีกครั้ง พร้อมจะนำมาเป็นบทเรียน เพื่อไม่ให้มีข้าราชการตำรวจก่อเหตุขึ้นอีก โดยขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะทำงานอย่างตรงไปตรงมา
เจ้าหน้าที่กำลังชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง (S.W.A.T) ภ.จว.ตรัง กำลังชุดสืบสวน ทั้งในและนอกเครื่องแบบ นับ 50 นาย นำโดย พ.ต.อ.รัฐกร ภักดีวานิช ผกก.กก.สส.ภ.จว.ตรัง ได้ทำการปิดล้อม ห้องทำงานของหน่วยสวาทฯ ซึ่งอยู่ภายในรั้วด้านหลัง กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ตรัง หลังจากสืบทราบและมีเบาะแสว่า จ.ส.ต.ชุติพนธ์ หรือจ่าเบิร์ด หลังจากก่อเหตุได้หลบหนีเข้ามาเอาอาวุธปืนยาว และเสื้อเกาะของทางราชการ