"ชัยวัฒน์"เผยถูกข่มขู่ หลังแฉเงินส่วยอธิบดีอุทยานฯ เตรียมขอคุ้มครองพยาน
"ชัยวัฒน์"เผย ถูกข่มขู่ หลังแฉอธิบดีกรมอุทยานฯ จากนี้ขอเข้าคุ้มครองพยานหวั่นโดนกลั่นแกล้ง อยากให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวัน
จากกรณีเจ้าหน้าที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เชิญตัว นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มาสอบปากคำ พร้อมทำการตรวจค้นห้องทำงานของนายรัชฎา และพบเงินสดประมาณ 5 ล้านบาท จึงตำรวจยึดไว้ตรวจสอบแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (28 ธันวาคม 2565) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ ปปช.เข้าตรวจค้น และนำหลักฐานไปลงประจำวัน ตนเองเชื่อว่าหลักฐานทั้งหมดของการตรวจค้นและการต่อรองในการเปิดลิ้นชักตามคลิป เมื่อเปิดออกมาแล้วพบหลักฐานหลายอย่าง มากกว่าหลักฐานที่ตนเองรับเรื่องร้องเรียนและมีอยู่ในมือ ทั้งยังพบหลักฐานอื่นที่ยืนยันได้ว่า พฤติกรรมของอธิบดีฯ มีลักษณะที่สอดคล้องกับหนังสือร้องเรียนก่อนหน้านี้ ว่ามีการเก็บรายเดือน มีการซื้อตำแหน่ง มีการวิ่งขอให้อยู่ตำแหน่งเดิม มีการโยกย้ายตำแหน่งใหม่ที่สูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับเงินที่ตรวจค้นได้ 5 ล้านบาท รายละเอียดอยู่ในซองทั้งหมด เรื่องไปสอดคล้องกับหลักฐานที่ปรากฏตามที่เป็นข่าว
ฉะนั้นการสอบสวนทุกคนในวันนี้ มีกฎหมายของ ปปช.คุ้มครอง
คนที่เสียผลประโยชน์ถูกกดดัน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ที่ได้รับความเสียหายไปลงประจำวันเอาไว้เป็นหลักฐาน ว่าถูกกดดันอย่างไร ทำไมต้องมาจ่ายเงินแบบนั้น หลังจากนี้ตนเองจะทำหนังสือถึง ปปช. ขอคุ้มครองในเรื่องความปลอดภัย การที่จะถูกกลั่นแกล้ง คุกคาม ตามกฎหมายของ ปปช. และเรื่องของการคุ้มครองพยาน ในระหว่างดำรงตำแหน่งและทำหน้าที่อยู่ อาจจะโดนกลั่นแกล้งหรือโยกย้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
หากวันนี้อธิบดีฯ ถูกสั่งปลด ทุกคนพร้อมออกมาแสดงเรื่องจริงให้ทราบ หากอธิบดีฯ ยังดำรงตำแหน่งอยู่ สอบยังไงก็ไม่เจอเรื่องทุจริต และเรื่องก็ไม่ถูกเปิดเผย หากจะนำใครมาดำรงตำแหน่งแทน ก็ต้องตรวจสอบดูให้ดีว่าอยู่ในศีลในธรรมหรือไม่ หลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อวานนี้มีสายลึกลับโทรมาข่มขู่ลูกน้องตนเอง ว่าไม่ให้เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี ให้การใดๆ เกี่ยวกับทางคดี และยังมีคนโทรเข้ามาขอบคุณและให้กำลังใจตนเองจำนวนมากตลอดทั้งวัน ตนเองทุ่มเททำถึงขนาดนี้ จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของข้าราชการชั้นผู้น้อย และครอบครัว เป็นอยู่ดีขึ้น ต้องมีการเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ตนเองทำในอนาคต สังคมรับรู้รับและทราบมานานแล้วว่ามีเกิดขึ้นจริง ตนเองจะใช้ชีวิตราชการที่เหลืออีก 1 ปีเศษ เดินหน้าปกป้องสัตว์ป่าและทรัพยากรของชาติอย่างเต็มที่
