ไทยแลนด์แดนน่าเที่ยว คาดนักท่องเที่ยวจีนมาไทยแตะ 4.65 ล้านคน

หลังจากที่ทางการจีนได้ผ่อนคลายกฎระเบียบการกักตัว สำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ รวมทั้งยกเลิกการจำกัดจำนวนผู้โดยสารเที่ยวบินระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ทำให้ชาวจีนมองหาเมืองที่จะออกไปท่องเที่ยวอีกครั้ง

ซึ่งไทยถือว่าเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักที่คนจีนอยากเดินทางมาพักผ่อน ประกอบกับทางการจีนเริ่มเปิดให้ชาวจีนเข้าทำหนังสือเดินทางและต่ออายุหนังสือเดินทาง (Passport) อีกครั้ง ซึ่งนับเป็นข่าวดีสำหรับภาคการท่องเที่ยวของไทย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์เกี่ยวกับ ชาวจีนที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวไทยในปี 2566 อาจแตะ 4.65 ล้านคน หรือประมาณ 42% ของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในปี 2562

ด้วยอัตราการเร่งตัวของนักท่องเที่ยวจะเริ่มเห็นในช่วงไตรมาส 2 และยิ่งชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ตามการขยายเส้นทางการบินและความถี่ของเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น

จากปัจจัยเกี่ยวกับฤดูกาลท่องเที่ยวของชาวจีนที่สำคัญ คือ ช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน (ระหว่างเดือนก.ค.-ส.ค. ของทุกปี) และช่วงวันหยุดยาววันชาติจีน (ในช่วงวันที่ 1-7 ต.ค. ของทุกปี) และอีกหลายๆ เทศกาล ทั้งการลาพักผ่อนในช่วงสั้นๆ

ทำให้ภาคธุรกิจ โรงแรม สายการบิน ยังคงต้องติดตามมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวจีนของต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ยุโรป เป็นต้น หากสถานการณ์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากจากปัจจุบัน ประกอบกับการท่องเที่ยวระยะไกล มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ก็ยิ่งมีความเป็นไปได้มากที่ชาวจีนซึ่งมีความต้องการเดินทางท่องเที่ยวอยู่แล้ว ตัดสินใจที่จะเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทาง

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม การจะสร้างให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกเลือกในการนำร่องของการฟื้นฟูการเดินทางแบบกลุ่มขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นแรงผลักดันที่จะทำให้ชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวในไทย เติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดดจากช่วงครึ่งปีแรก

ขณะที่การใช้จ่ายของชาวจีนเที่ยวไทย สู่ธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง อาจจะมีมูลค่าสูงถึง 1.86 แสนล้านบาท หรือฟื้นกลับมา 36% ของการใช้จ่ายของชาวจีนเที่ยวไทยในปี 2562

ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคาดการณ์ว่า นักท่องเที่ยวจีนยังคงสนใจที่จะเดินทางมาประเทศไทยจึงปรับตัวเลขประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาเที่ยวไทยในปี 2566 เป็น 25.5 ล้านคน (จากกรอบ 24-26 ล้านคน) คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินสู่ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องราว 1.07 แสนล้านบาท

ถือว่าเป็นข่าวดีที่ภาคธุรกิจของไทยต้องเตรียมความพร้อมให้ดี