svasdssvasds

ชิษณุพงศ์ โชติ ชี้แจง "บิ๊กบอล" ดราม่า ชลบุรี เอฟซี ปมไม่ต่อสัญญา

ชิษณุพงศ์ โชติ ชี้แจง "บิ๊กบอล" ดราม่า ชลบุรี เอฟซี ปมไม่ต่อสัญญา

ดราม่า ชลบุรี เอฟซี ชิษณุพงศ์ โชติ โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงหลัง "บิ๊กบอล" ศศิศ สิงห์โตทอง ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อกรณีไม่ส่งรายชื่อแข้งดาวรุ่งวัย 21 ปี ลงแข่งขันฟุตบอลไทยลีกฤดูกาล 2022/23

ชิษณุพงศ์ โชติ ชี้แจง "บิ๊กบอล" ดราม่า ชลบุรี เอฟซี ปมไม่ต่อสัญญา

ดราม่า ชลบุรี เอฟซี ทีมชั้นนำ โตโยต้า ไทยลีก หลังเกิดข้อพิพาทกับ "คอนเนอร์" ชิษณุพงศ์ โชติ นักเตะดาวรุ่งของทีม ซึ่งไม่มีรายชื่อในการลงแข่งขันฟุตบอลลีกสูงสุดฤดูกาลใหม่ รวมถึงไร้ชื่อกับ เชียงใหม่ เอฟซี ที่ก่อนหน้านี้ปิดดีลยืมตัวกันไปเรียบร้อย

ข่าวที่น่าสนใจ

Cr. ภาพจาก ballthai.com

โดย "บิ๊กบอล" ศศิศ สิงห์โตทอง ผู้จัดการทีม ชลบุรี เอฟซี ได้เปิดเผยต่อสื่อว่า "คอนเนอร์" ชิษณุพงศ์ โชติ ไม่ยอมต่อสัญญากับทีม 3 ปี ตามกฎที่ว่าด้วยเรื่องนักเตะที่ได้รับเงินเดือนเกินหลักหมื่นทุกคนต้องทำตาม และไม่ยอมไปรายงานตัวกับ สมุทรปราการ ซิตี้ ที่ฉลามชลส่งไปเล่นแบบยืมตัวแต่กลับไปติดต่อทีม ขอนแก่น เอฟซี และสุโขทัย เพื่อย้ายไปเล่นแบบยืมตัวโดยไม่ผ่านการรับรู้ของสโมสร

ชิษณุพงศ์ โชติ ชี้แจง "บิ๊กบอล" ดราม่า ชลบุรี เอฟซี ปมไม่ต่อสัญญา

ล่าสุด ชิษณุพงศ์ โชติ ได้โพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก Chitsanupong Choti ระบุว่า "ผมขอชี้แจงประเด็นเกี่ยวกับที่ผู้จัดการทีม ชลบุรี เอฟซี ให้สัมภาษณ์กับสื่อทางไทยรัฐ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา

1.เรื่องที่ผมไม่ต่อสัญญากับทางสโมสร ใช่ครับ ผมไม่ต่อสัญญา ณ.วันที่ 26 กรกฎาคม 2565 วันที่ผู้ใหญ่ในสโมสรเรียกผมไปคุยครับ

2.สัญญาของผมเริ่มตั้งแต่ วันที่ 5 มกราคม 2564 ถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2566 เงินเดือนตามสัญญา 7,000 บาท ค่าเบี้ยซ้อม วันละ 150 บาท ตามที่ระบุในสัญญา

3.ผมถูกส่งไปเล่นให้ทีม ขอนแก่น ยูไนเต็ด ณ.ตอนนั้นอยู่ T2

4.หลังจากจบฤดูกาล ผมก็กลับมาซ้อมกับทีม ชลบุรี เอฟซี

5.เรื่องของเงินเดือนที่ผมได้รับเป็นเงินเดือนตามเงื่อนไขการขึ้นเงินเดือน (ที่ไม่ได้ระบุในสัญญาฉบับแรกที่ผม เซ็น)

เงื่อนไขของการขึ้นเงินเดือนตรงนี้เป็นไปตามการที่ผมได้ลงเล่นให้กับทีมที่คิดเป็นคะแนน ณ.ปัจจุบัน เงินเดือนที่ผมได้รับในเดือนพฤษภาคมเป็นจำนวน 50,000 บาท

6.ทุกคนในทีมรู้ตามกฎ กติกาข้อนี้ครับ แต่สัญญาฉบับนี้ผมไม่ได้เซ็น เพราะทางผู้ใหญ่ไม่ได้เรียกผมไป

เซ็นก่อนที่จะมีปัญหาจะเกิดขึ้น

7.ส่วนเรื่องไทม์ไลน์มีดังนี้

- วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม 2565 ลงทีมกับทีมพัทยา

- วันที่อาทิตย์ที่ 10 กรฎาคม 2565 ลงทีมกับเนปาล แต่ผมไม่ได้ลง เพราะผมเจ็บ

หลังจากลงทีมเสร็จ พี่บอลก็เรียกผมกับพี่เจิ้นไปคุย บอกว่า ผมกับพี่เจิ้นไปสมุทรปราการนะ

และพี่บอลก็ถามว่าจะเข้าไปวันไหน ผมกับพี่เจิ้นก็บอกพี่บอลว่า ขอเข้าไปวันอังคารที่ 12 กรกฎาคม 2565 นะครับ (ขอพัก 1 วัน) คือวันที่ 11 กรกฎาคม 2565

8.จากนั้นผมก็ได้ติดต่อเอเย่นต์ของผมว่า ตอนนี้ทีมขอนแก่น ยูไนเต็ดยังอยากได้ผมอยู่ไหม เพราะก่อนที่ผมจะกลับมาซ้อมกับชลบุรีในวันที่ 22 มิถุนายน 2565 ทางเอเย่นต์ของผมได้โทรมาหาผม ตอนผมอยู่ที่บ้านว่าขอนแก่นโทรมาถามว่า เขาขาดกองกลาง อยากไปไหม ผมก็ตอบไปว่า ต้องให้ถามพี่เตี้ยว่าปีนี้จะใช้ผมไหม

และวันที่ 15 มิถุนายน 2565 ทางผู้จัดการขอนแก่นได้ Line มาหาผมว่า “อยู่ในแผนไหม” ผมก็ตอบ กลับไปว่า ผมยังไม่รู้เลยครับ เพราะผมจะกลับไปซ้อม วันที่ 22 มิถุนายน 2565 ซึ่งผมพึ่งมารู้วันที่ 10 กรกฎาคม 2565 ว่าผมไม่อยู่ในแผนการทำทีมของโค้ช

9.ทางเอเย่นต์ของผมก็จัดการถามให้ ผลคือทางขอนแก่นได้เตรียมทีมไว้ครบแล้ว อีกอย่างเรื่องเงินเดือนของ ผมมันสูงกว่าที่งบประมาณมี ทางขอนแก่นก็เสนอมาว่าเรื่องเงินเดือน คนละครึ่งกับชลบุรีได้ไหม แต่ตกลงกันไม่ได้ ผมก็เลยไม่ได้ไปขอนแก่นครับ

10.เรื่องทีม “สุโขทัย” มีสต๊าฟโค้ชที่สนิทกับน้าผมมาถามน้าผมก่อนหน้าที่จะมีปัญหา น้าผมก็ตอบว่า

ผมมีสัญญากับสโมสรชลบุรี ต้องติดต่อกับทางสโมสรชลบุรี น้าผมแค่เล่าให้ผมฟังครับ

11.วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม 2565 ผม Line มาบอกกับทางครอบครัวว่า “ผมไปสมุทรปราการนะครับ”

ตอนเวลา 19:39 น. จากนั้นเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆพี่บอลโทรมาบอกผมว่า “สมุทรปราการไม่เอาแล้ว”

12.กรณีที่บอกผมไปคุยหลายทีม เรื่องนี้ไม่จริงครับ ผมจะหาทีมเล่นผมต้องผ่านทางเอเย่นต์ของผม ผมให้พี่ เอเย่นต์ติดต่อทีมขอนแก่น ยูไนเต็ด ทีมเดียวครับ ณ.เวลานั้น

13.หลังจากที่สมุทรปราการไม่ต้องการผมแล้ว “ผมก็ Line ไปถามพี่บอล ว่า ผมต้องเข้าไปซ้อมที่ชลไหมครับ วันนี้” พี่บอลก็ตอบผมว่า “ใช่ๆแหละ แบบที่บอกไปเมื่อคืนเลย” เพราะยังมีสัญญาอยู่ แต่ระหว่างนี้ถ้าหาทีมไหนที่อยากจะไปก็ให้ติดต่อมาละกัน หรือคอนเนอร์มาบอกเลยก็ได้นะ “แต่ให้รู้ไว้ว่าปราการเขาไม่เอาเราแล้ว” ผมก็ตอบว่า ครับ

14.วันที่ 14 กรกฎาคม 2565 ตามที่พี่บอล ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมมาที่ เชียงใหม่ เอฟซี” ตามที่เอเย่นต์ของผมได้ติดต่อไปและที่บอกว่าหลังจากนั้นก็ไม่เจอผมอีกเลย เพราะทางทีมชลบุรีเดินทางไปแข่ง “รายการล่องใต้คัพ ที่ จ.สงขลา เพราะผมไม่มีรายชื่อไปกับทีม ผมก็เลยกลับบ้านครับ

15.วันที่ 16 กรกฎาคม 2565 ผมเริ่มมาซ้อมกับทีมเชียงใหม่ เอฟซี เพราะตัวผมคิดว่าเรื่องของผมจบแล้ว หลังจากนั้นผมก็ซ้อมกับทีมเชียงใหม่มาตลอด

16.วันที่ 20 กรกฎาคม 2565 ผมก็ Line ไปปรึกษา โค้ชเฮงว่าทางสโมสรชลบุรียังไม่ส่งหนังสือโอนย้ายมาเลยครับอาจารย์ โค้ชเฮงก็บอกผมว่าจะถามพี่กรให้ แล้วอย่าวิตกกังวลและคิดมาก มีสติมีสมาธิ นี่คือบททดสอบหัวจิตหัวใจ ว่าเราจะไปได้ไกลแค่ไหนแกต้องทำให้เขาเห็นว่าแกเก่งและก็บอกว่าถ้ามีเวลามาคุยที่สโมสรนะจะได้เข้าใจกันและกันทั้งสองฝ่าย

17.โค้ชเฮงก็นัดให้ผมมาวันที่ 26 กรกฎาคม 2565 เวลา 11:00 น.

วันที่ไปพบเข้าประชุม ผมก็ได้อธิบายเรื่องที่บอกว่าผมไปหาทีมเอง ให้คุณอรรณพฟัง วันนั้นก็คุยอธิบายหลายเรื่องครับ คุณอรรณพก็พูดกับผมว่าโค้ชเตี้ยให้ลง 20 นาที หรือ 10 นาที หรือ 5 นาทีก็เล่นไม่ได้ กลับไปดูสิ อีโก้สูง คิดว่าเก่งหรือไง ซึ่งตรงนี้ผมไม่โกรธคุณอรรนพครับ ผมยอมรับและเสียใจ ผมก็ฟังไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วก็มาพูดถึงเรื่องสัญญา โดยพี่กรเป็นคนพูดอธิบายตรงนี้ ผมทราบ (อย่างที่ผมบอกสัญญาตัวนี้ ผมไม่ได้เซ็น เพราะ ทางผู้ใหญ่ไม่ได้เอามาให้ผมเซ็น)

18.ผมก็คุยกับคุณอรรณพว่า ขอให้ผมได้ไปพิสูจน์ศักยภาพในการเล่นบอลของผมที่ทีมเชียงใหม่ เอฟซี ก่อนได้ไหมครับว่าผมเล่นได้ไหม ส่วนเรื่องสัญญาผมก็กลับมาคุยเรื่องสัญญาอีกครั้ง เพราะสัญญาของผมหมดเดือนธันวาคม 2566

19.คุณอรรณพก็บอกผมว่าถ้าไม่ต่อสัญญาเพิ่มอีก 3 ปี ก็จะไม่ให้ผมไปเล่นที่ เชียงใหม่ เอฟซี ส่วนเรื่องเงินเดือนก็จ่ายตามสัญญาที่เซ็นไว้ “ผมก็ยอมรับคำตัดสินใจของผู้ใหญ่ครับ”

20.โดยผมเลือกที่จะไม่ต่อสัญญา กับสโมสรและรับเงินเดือนตามสัญญาครับ ผมขอชี้แจงตามประเด็นที่พี่บอล ให้สัมภาษณ์ ที่ไทยรัฐครับ

ส่วนเรื่องที่ผมเจอมาผมขอไม่พูดหรือเล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา เพราะผู้ใหญ่ที่เคารพหลายท่านๆอยากให้ผมจบเรื่องนี้ครับ

#ขอบคุณครับ"

 

 

related