svasdssvasds

5 ปีบนถนนสายนักวิ่งของ 'เจ้มุก ซักรีด' สู่ Elite Runner!

5 ปีบนถนนสายนักวิ่งของ 'เจ้มุก ซักรีด' สู่ Elite Runner!

เจ้มุก เจ้าของร้านซักอบรีด จากการใช้เวลาลังเลิกงานไปวิ่ง พัฒนาสู่การทำลายสถิติตัวเองเพื่อเข้าเส้นชัย มาสู่ Elite Runner ผู้สร้างแรงบันดาลใจให้นักวิ่งหน้าใหม่เข้าเส้นชัยครั้งแรกในชีวิต

ในวงการนักวิ่งมาราธอน หลายคนคงคุ้นเคยกับ 'เจ้มุก' เจ้าของร้านซักอบรีด ย่านเพชรบุรี ซอย 7 ที่เธอใช้เวลาว่างหลังเลิกงานและวันหยุดไปวิ่งในรายการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง 5 ปี เริ่มต้นจากการวิ่งเพื่อลดน้ำหนักสร้างเสริมสุขภาพ มาสู่การวิ่งเพื่อพัฒนาศักยภาพและทำเวลาเข้าเส้นชัยทำลายสถิติตัวเอง จนมาถึงจุดหนึ่งที่เธอเริ่มสนุกไปกับการซ้อม มีโค้ช มีแบรนด์รองเท้าวิ่งเข้ามาดูแลตารางการซ้อมและการแข่งขันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนนักวิ่งมืออาชีพ เธอเล่าให้ทีมข่าว SPRiNG ฟังว่ามันจึงกลายเป็นความสนุกที่ได้วิ่งทุกวัน วิ่งหลากหลายแบบไม่ซ้ำกัน แล้วแต่ตารางซ้อมที่โค้ชจะจัดให้

เธอเริ่มจากวิ่ง 5 กิโลเมตร มาสู่การวิ่งมาราธอน 42 กิโลเมตร วิ่งเทรล 50 กิโลเมตร วิ่งเก็บระยะ 300 กิโลเมตรภายใน 15 วัน และท้าทายตัวเองด้วยการจบ 50 กิโลเมตรภายในวันเดียว หรือแม้กระทั่งการวิ่งเป็น Pacer นำเวลาในสนาม แต่สิ่งที่เธอชอบมากที่สุดคือ Sweeper ตำแหน่งที่คอยดูแลนักวิ่งลำดับท้ายๆ ให้เข้าสู่เส้นชัยให้หมด โดยเฉพาะการวิ่งเทรลที่ยิ่งเลยเวลาคัทออฟ หรือถ้าพระอาทิตย์ตกไปแล้วจะยิ่งอันตราย 

เจ้มุก เล่าความประทับใจว่า มีคุณลุงคุณป้าวัยเกษียณคู่หนึ่งมาวิ่งเทรล สำหรับคุณป้านี่เป็นครั้งแรก ส่วนคุณลุงเป็นครั้งที่สองหลังจากครั้งแรกตกเขาและต้องออกจากการแข่งขัน (DNF: Did Not Finish) บางคนที่ไม่ทันเวลา Cut Off ก็ DNF ไปเลย แต่คุณลุงคุณป้าบอกว่าแม้จะไม่ทันเวลา Cut Off แต่จะไม่ DNF เด็ดขาด หน้าที่ของเธอจึงเป็นการทำให้พวกเขาเข้าเส้ยชัยครั้งแรกให้ได้ พอใกล้ถึงเส้นชัย เธอเล่าว่าตอนนั้นเธออาสาผูกเชือกรองเท้าให้คุณลุงแน่นๆ เพื่อให้ทำเวลาช่วงสุดท้ายได้เต็มที่ เรียกพลังงานทั้งหมดแล้ววิ่งเข้าเส้นชัย พร้อมกับภาพถ่ายที่ช่างภาพรอถ่ายแบบสวยๆ แล้วเธอก็หลบเข้าข้างทางเพื่อให้คุณลุงและคุณป้าได้ภาพเข้าเส้นชัยครั้งแรกในชีวิตที่สวยที่สุด

 

 

ความสำคัญของหน้าที่นี้คือการเชียร์อัพ แต่ไม่กดดัน นักวิ่งอยากได้รูปตรงไหน เราก็ถ่ายให้ หมดแรง เราก็เอาเอนเนอร์จีบาร์จากกระเป๋าออกมาให้ ทำยังไงก็ได้ให้พวกเขามีกำลังใจและไม่ DNF และเมื่อคนที่เราดูแลเข้าเส้นชัยได้สำเร็จ เธอบอกว่ามันคือความรู้สึกของพี่เลี้ยงนางงามที่คนที่เราเชียร์ได้มงกุฎ

"ชอบ Sweeper มันเหมาะกับจริตกะเทยดี ไม่ใช่แค่เราคนเดียวกัน เพื่อน Sweeper ด้วยกันต้องแตะมือทำงานกันด้วยหัวใจฉ่ำๆ มันถึงจะเวิร์ก มันถึงจะจอยไปตลอดทั้งเส้นทาง ตอนเขาเข้าเส้นชัยเราดีใจเหมือนพี่เลี้ยงที่คอยเชียร์ๆ หูย นางงามฉันได้มงแล้ว แบบเดียวกัน ประมาณนี้"

เจ้มุก เปิดเผยว่า มาถึงวันนี้ที่เริ่มเป็นที่รู้จักของเพื่อนนักวิ่งมากขึ้น ความสนุกในสนามวิ่งมันจึงเป็นการทักทายกันของคนที่หลงรักในการวิ่งและการฝึกซ้อม เราจะไม่ทักว่า “สบายดีไหม?” แต่จะทักว่า “วันนี้ตารางอะไร?” พอซ้อมเสร็จก็จะมาทำคอนเทนต์สนุกๆ กันในสนามหรือลู่วิ่ง เธอฝึกซ้อม 6 วันต่อสัปดาห์ตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม และลงแข่งมาราธอนหรือเทรลปีละอย่างน้อย 4-5 รายการ บางคนก็จะนิยามเธอว่าเป็น Queen of Road หรือราชินีสายถนน เธอมองว่าความเป็น "กะเทยบ้งๆ" ของเธอมันสร้างสีสันให้กับสนามซ้อม การเดินสเต็ปนางงาม ร้องเพลงผ่อนคลายหลังซ้อมก็สามารถสร้างเสียงหัวเราะให้คนอื่นได้ 

เธอรู้สึกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเสิร์ฟความรู้สึกคนที่เข้ามาทักทาย เพราะเราเจอเขาไม่ถึงชั่วโมง แล้วเขาเข้ามาทักเรา มันจะมีสิ่งที่พิเศษอย่างหนึ่ง เธอบอกว่ามันเป็นจริต LGBTQ ของเธอที่ชอบเสิร์ฟความรู้สึกคน "เขาเข้ามาแบบไหน ก็ทำตามความต้องการ ก็เหมือนผู้ชาย ผู้ชายเขาต้องการอะไรจากเรา เราก็เสิร์ฟเขาอะไรแบบนี้" เจ้มุกกล่าว

เธอยังบอกอีกว่า ทุกครั้งที่คนเขามองเรา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่เราไม่เคยคิดว่าเราแปลก เรากลับรู้สึกว่าตัวเองพิเศษถึงได้โดนมอง เราต้องใช้การโดนมองให้เป็นประโยชน์ในทางบวกกับตัวเอง คิดว่าอย่างน้อยฉันต้องมีอะไรให้มอง เขาถึงจะมองเราก่อน เดินอยู่สิบคน แต่เขามองเราคนเดียว

เมื่อถามว่า บางคนเขาบอกว่าเจ้มุกเป็นสีสัน เป็นความสุขของเขาในลู่วิ่ง ในสนามวิ่งเธอรู้สึกยังไง? เจ้มุกบอกว่ารู้สึกยินดีมาก อาจจะเป็นเพราะยังไม่มีกะเทยแก่ๆ มาวิ่ง เธอพูดติดตลก พร้อมกับกล่าวย้ำว่า "ฉันมีความสุขกับการซ้อม"

แต่ถ้าให้เปรียบตัวเองเป็นดอกไม้ เธอขอเป็นดอกไม้สตาฟสำหรับไว้คั่นหนังสือ พออ่านเจอตรงนี้แล้วถูกใจเธอก็คั่นไว้ เหมือนเวลาวิ่งถ้าเจอ Pace ที่ถึงกันก็มาวิ่งด้วยกัน แต่ถ้าคนละ Pace เราก็ค่อยเจอกันตอนคูลดาวน์แบบม่วนๆ จอยๆ     

"วิธีวิ่งเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด สำหรับคนที่จะหากิจกรรมทำจากที่ตัวเองเสร็จงานหรือเสร็จภารกิจในประจำวัน เพราะว่าเหงื่อออกจากการทำงานกับการออกกำลังกาย ความรู้สึกมันจะต่างกันนะ"

รับชมเพิ่มเติม:

related