กกต. เริ่มพูดไม่เต็มปาก การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีหน้าได้จริงหรือไม่ อ้างเป็นเรื่องของอนาคต ขณะที่บรรดาพรรคการเมืองเร่งขอความชัดเจน โดยบางส่วนมั่นใจ มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ในการนัดหารือระหว่าง คสช.และพรรคการเมือง หากมีหลายพรรคบอกยังไม่พร้อมเลือกตั้ง จะเป็นปัจจัยนำไปสู่การเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่นั้นว่า ยังเป็นเรื่องของอนาคตที่ไม่สามารถให้คำตอบได้ ทั้งนี้การเลื่อนเลือกตั้งเป็นอำนาจของ กกต. จะพิจารณา แต่ก็จะต้องอยู่ในกรอบเวลาตามที่กฎหมายกำหนดคือ วันที่ 24 ก.พ.- 9 พ.ค. 2562 ซึ่งยืนยันว่าการเตรียมการจัดเลือกตั้งของสำนักงาน กกต.นั้นมีความพร้อม
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเช้าวันเดียวกัน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ได้ให้สัมภาษณ์ รายการโทรทัศน์แห่งหนึ่งระบุว่าวันที่ 24 ก.พ. 2562 ไม่ใช่วันหย่อนบัตรเลือกตั้ง แต่เป็นเพียง "เดดไลน์" ให้ กกต.ได้เตรียมความพร้อมจัดการเลือกตั้งเท่านั้น
แหล่งข่าวจาก กกต. เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางผู้อำนวยการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดต่างสอบถามมายัง กกต.กลางถึงความคืบหน้าการประกาศแบ่งเขตเลือกตั้ง เพราะเลยระยะเวลาตามแผนปฏิบัติงานของสำนักงาน กกต.ที่กำหนดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 9 พ.ย. แต่ยังไม่ประกาศ จึงเกรงว่าการดำเนินการต่าง ๆ จะไม่ทันตามเวลาที่กำหนด
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป (ปชช.) กล่าวว่าหากต้องเลื่อนเลือกตั้งจากวันที่ 24 ก.พ.2562 ส่วนตัวเชื่อไม่มีปัญหา เพราะที่ผ่านมาทราบข่าวอย่างต่อเนื่องว่าวันที่ 24 ก.พ. 2562 จะไม่มีการเลือกตั้งด้วยเหตุผลของความไม่พร้อมของพรรคการเมือง
ขณะที่นายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ พรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่า ไม่แปลกใจ หากมีการเลื่อนเลือกตั้งออกไป เพราะจากที่ได้พูดคุยกับคนในแวดวงการเมืองล้วนมีความเห็นตรงกันวันที่ 24 ก.พ. 2562 ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ทัน เนื่องจากมีหลายปัจจัยเกี่ยวข้องที่ทำให้วันเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป แต่จะไม่เกินกรอบเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนดคือ 150 วัน นับจากวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า หาก กกต. ประกาศวันที่ 24 ก.พ. 2562 ไม่สามารถจัดเลือกตั้งได้ ต้องยอมรับ กกต.ใจถึงมาก และเสี่ยงถูกมองเอื้อประโยชน์ให้พรรคใหม่บางพรรคที่ไม่พร้อม ขณะที่องค์กรอิสระอาจกลายเป็นหน่วยขึ้นตรงของผู้มีอำนาจหรือไม่