ดร.อาทิตย์ชี้โหวตนายกฯ 5 มิ.ย. หนักหน่วงกว่าพฤษภาทมิฬ

ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เปรียบเทียบการตั้งนายกฯ หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 35 และ ปี 62 ที่กำลังจะมีขึ้นว่า เมื่อปี 35 ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเสียงข้างมากในสภา โดยยุคนั้นเสียงข้างมากชัดเจน ได้เสนอหัวหน้าพรรคเป็นนายกฯ และชัดเจนว่าเป็นการสืบทอดอำนาจของ รสช. ซึ่งได้ประท้วงจนเกิดเหตุการณ์นองเลือด

ดร.อาทิตย์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์ในปี 62 มีทั้งเหมือน และแตกต่างจากปี 35 ส่วนที่เหมือนคือลักษณะที่มีการสืบทอดอำนาจของ คสช. มีอยู่ชัดเจน ซึ่งหากการบริหารประเทศของ คสช. ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เป็นผลดี ได้สร้างความปรองดอง สมานฉันท์ ปฏิรูปประเทศ และบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขถ้วนหน้ากัน ประชาชนก็จะอาจยินดี และเรียกร้องให้สืบทอดอำนาจต่อไปได้

แต่ที่ผ่านมาไม่ได้เป็นเช่นนั้น การเขียนรธน. และกติกาการเลือกตั้งใหม่ ก็แสดงชัดเจนว่า ตั้งใจจะสืบทอดอำนาจตั้งแต่ต้น และไม่เป็นธรรม ประชาชนจึงไม่ยอมรับอยู่แล้ว อีกทั้งขณะนี้ พรรคต่าง ๆ ที่สนับสนุนรัฐบาลปัจจุบัน กระจัดกระจาย และมีเสียงสนับสนุนจากประชาชนน้อยมาก ไม่เป็นปึกแผ่น เอกภาพ แม้จะรวมตัวได้มากที่สุด ก็ยังเป็นรัฐบาลที่ไม่สามารถสร้างความมั่นคงในการบริหารประเทศนำรัฐนาวาไปสู่ความเป็นปึกแผ่น มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนได้ ตน จึงใคร่ชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์ปี 62 นี้หนักหน่วงยิ่งกว่าปี 35 มากนัก

ขณะที่ นพ.สุภัทร ฮาสุรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จ.สงขลา อดีตแนวร่วมกปปส.โพสต์เฟสบุ๊ค ระบุว่า ถึงเวลาแล้วที่พรรคการเมืองไทยต้องลอยแพ พปชร. หยุดการต่อท่อออกซิเจนเผด็จการให้กับคสช. โดยพรรคประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย ต้องเข้าร่วมกับพรรคฝั่งประชาธิปไตย โดยทิ้งคำว่านายทักษิณ ชินวัตร เอาไว้ก่อน เพราะมีแค่ 2 พรรคนี้ ที่จะถอดสายออกซิเจนออกจากจมูกของคสช.ได้