svasdssvasds

ถ้านายกฯ ลาออก ยุบสภา หรือ อยู่ต่อ ประเทศไทยต้องเจอกับอะไรบ้าง ?

ถ้านายกฯ ลาออก ยุบสภา หรือ อยู่ต่อ ประเทศไทยต้องเจอกับอะไรบ้าง ?

นายกฯ ลาออก ยุบสภา หรือ ลุยต่อ จะเกิดอะไรขึ้น? ตรวจสอบรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ และผลกระทบต่อเศรษฐกิจ-ปัญหาชายแดน และเหตุผลทำไม "รัฐประหาร" ไม่ใช่ทางออก!

นายกฯ ลาออก

ตามรัฐธรรมนูญ ม.159 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จะต้องเสนอชื่อบุคคลจากบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่พรรคการเมืองเคยยื่นไว้ก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคที่เสนอชื่อได้ต้องมี สส.อย่างน้อย 25 คน หรือคิดเป็น 25% ของจำนวน สส.ทั้งหมด ชื่อที่ถูกเสนอจะต้องมี สส.ยกมือรับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของ สส.ที่มีอยู่ของสภาฯ หรือ 50 คน และจะต้องมีการลงมติเห็นชอบโดยเปิดเผย

ส่วนรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะมีทั้งหมด 6 ท่าน ที่เคยถูกเสนอชื่อไว้ก่อนหน้านี้ คือ

  1. นายอนุทิน ชาญวีรกุล พรรคภูมิใจไทย
  2. นายชัยเกษม นิติสิริ พรรคเพื่อไทย
  3. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พรรคพลังประชารัฐ
  4. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรครวมไทยสร้างชาติ
  5. นายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค พรรครวมไทยสร้างชาติ
  6. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ พรรคประชาธิปัตย์

แต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะหมดสิทธิ์ถูกเสนอชื่อ เนื่องจากไม่เข้าเกณฑ์ เพราะเหลือ สส.อยู่ในมือไม่ถึง 25 คน เท่ากับว่าแคนดิเดตจริงๆจะเหลือเพียง 5 ท่านเท่านั้น  

‘นายกฯประกาศยุบสภา’

ตามมาตรา 103 ระบุว่าพระมหากษัตริย์ทรงพระราชอำนาจในการยุบสภาผู้แทนราษฎร โดยต้องออกพระราชกฤษฎีกาภายใน 5 วัน และ กกต.ต้องประกาศวันเลือกตั้งใหม่ภายใน 45-60 วัน และวันเลือกตั้งต้องเป็นวันเดียวกันทั้งประเทศ

ถ้าเป็นกรณีนี้การบริหารจัดการประเทศเกิดสุญญากาศ ส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาวะที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับสงครามการค้าของประเทศมหาอำนาจ และต้องเสียงบประมาณเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง และงบประมาณแผ่นดินทั้งหมดต้องไปเริ่นต้นใหม่ในรัฐบาลหน้า หน่วยงานต่างๆจะไม่มีงบไปทำโครงการเพื่อพัฒนาบ้านเมือง กว่างบจะออกก็ต้องรอจัดตั้งรัฐบาลใหม่เสร็จ และต้องเสียเวลานับหนึ่งในการประชุมงบประมาณใหม่ทั้งหมด รวมถึงส่งผลต่อกระทบต่อการเจรจายุติข้อพิพาทพรมแดนไทยกัมพูชา 

 

'ไม่ยุบไม่ออก นายกฯลุยต่อ'

แต่ก็จะตกอยู่ในภาวะ "เสียงปริ่มน้ำ" เนื่องจากเมื่อพรรคภูมิในไทย แถลงถอนตัวออกจากรัฐบาล ทำให้รัฐบาลจะเหลือ สส. เพียง 255 เสียง ซึ่ง มากกว่ากึ่งหนึ่งเพียง 7 เสียงเท่านั้น ยังไม่นับรวมที่อาจมีพรรคที่อาจถอนตัวบางส่วน หรือเปล่า?

โดยสภาปัจจุบันมี ส.ส. 495 คน ต้องใช้เสียงเกินครึ่งหรือ อย่างน้อย 248 เสียง เพื่อผ่านวาระสำคัญ เท่ากับว่ารัฐบาลจะไร้เสถียรภาพในการบริหารจัดการประเทศ

 

‘รัฐประหาร’

ทางออกที่ไม่ควรเกิดขึ้น จากตัวเลือกทั้งหมดก่อนหน้านี้ จะสังเกตได้ว่า ประเทศไทยมีกลไกทางประชาธิปไตยรองรับสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลาออกหรือการยุบสภา ซึ่งล้วนเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 

การรัฐประหารในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ผ่านมา ตอกย้ำให้เห็นแล้วว่าไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น เป็นการทำลายประชาธิปไตยด้วยการฉีกรัฐธรรมนูญ ล้มล้างอำนาจประชาชน ผลเสียที่ตามมายังทำให้นานาชาติไม่ยอมรับ เศรษฐกิจพัง เนื่องจากนักลงทุนหนี โดนคว่ำบาตร ปัญหาปากท้องที่หนักอยู่แล้วจะหนักขึ้นไปอีก และสุดท้ายประเทศไทยก็จะวนกลับเข้าสู่วงจรอุบาทว์ซ้ำซากไม่จบไม่สิ้น และทุกคนต้องอย่าลืมว่า ประเด็นข้อพิพาทชายแดนยังไม่จบ แต่ถ้าเกิดการรัฐประหาร ไทยในฐานะที่เป็นรัฐบาลเผด็จการย่อมจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากนานาประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อการเจรจาต่อรองเพื่อยุติข้อพิพาทพรมแดนไทย กัมพูชา

 

related