SHORT CUT
"เล็ก T-Bone" มือกลองวงเร้กเก้-สการะดับตำนาน ถึงแม้ปัจจุบันจะผันตัวไปเป็นครูสอนกลอง แต่ยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้ในการเล่นดนตรีให้กับหลายคน เพราะตัวเขาเหมือนถูกสาปให้แยกจากกลองไม่ได้
หากพูดถึงวงดนตรีแนวเร็กเก้-สกา หลายคนก็ต้องนึกถึงวง T- Bone วงดนตรีกลุ่มแรกๆ ที่บุกเบิกแนวเพลงแนวนี้ในไทย ที่สร้างผลงานจนเป็นที่รู้จักกันอย่างมากมาย อริญชย์ ปานพุ่ม หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ "เล็ก T-Bone" หนึ่งในสมาชิกวง T-Bone ที่สร้างตำแหน่ง มือกลองในตำนาน จนกลายเป็นที่รู้จักของใครหลายคน ถึงแม้ในปัจจุบันจะผันตัวมาเป็นครูสอนกลองให้นักเรียนหลายๆ คน แต่ปัจจุบันก็ยังคงเป็นนักดนตรีที่เล่นดนตรีกลางคืนอยู่
ชีวิตของการได้มาเป็นนักดนตรีเริ่มต้นตอนที่เขาอายุ 17 ปี เรื่องราวของเด็กที่มีความอยากเที่ยว จึงตัดสินใจขอแม่ไปหาพี่ชายที่เล่นดนตรีอยู่ที่จังหวัดอุดรธานีในช่วงปิดเทอม ในตอนนั้นมีสมาชิกในวงของพี่ชายเกิดประสบอุบัติเหตุ พี่ชายเลยชวนให้มาเล่นดนตรีด้วยกัน แต่ตอนนั้นก็ไม่มีทักษะทางด้านดนตรีเลยสักอย่าง แต่ก็ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจเข้ามาร่วมวงกับพี่ชาย
เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ได้เล่นคือ ทรอมโบน เป็นเครื่องดนตรีที่ต้องใชช้ทักษะในการเล่นค่อนข้างสูง ในตอนนั้นก็จะมีพี่ๆ มาช่วยสอนวิธีการเป่าและอ่านโน้ต หลังจากนั้นไม่นานวงที่เล่นอยู่จะต้องย้ายไปภูเก็ต แต่ในตอนนั้นมือกลองของวงต้องเข้ารับราชการทหาร ทำให้ไปสามารถเดินทางไปด้วยได้ พี่ชายเลยให้ฝึกตีกลอง ตอนนั้นก็ต้องตีกลองให้ได้ อาศัยซ้อมตีกลองหลังไนท์คลับปิดจนถึงตี 4 แล้วค่อยกลับบ้าน ฝึกซ้อมอยู่แบบนี้เป็นระยะเวลาเกือบ 1 เดือน ก่อนจะย้ายไปภูเก็ต “พี่ชายบอกว่า ตีกลองไปก่อน เดี๋ยวไปถึงภูเก็ตแล้วจะหามือกลองมา แล้วเราค่อยกลับไปเป่าทรอมโบน แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม พี่ก็บอกตีไปเหอะ หามือทรอมโบนง่ายกว่า”
พี่เล็กเล่าว่า ตัวเองได้ทักษะจากการเล่นดนตรีมาจากการเล่นรำวง ตะลุง ดนตรีแบบไทย มาจากตรงนี้ค่อนข้างเยอะ พอได้เริ่มลองศึกษาเกี่ยวกับกลองมากขึ้น ถึงได้เริ่มรู้ว่าความเป็นละติน ความเป็นดนตรีชนเผ่า ก็เริ่มเกิดความชอบและสนใจขึ้นมา พี่เล็กเล่าต่อว่า เคยมีอัลบั้มชุดหนึ่งที่เคยทำกับ LOVEiS ที่เป็นดนตรีแอฟฟริกันหมดเลย ถึงจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของใครหลายคน แต่ก็เลือกที่จะทำเพราะเป็นความชอบส่วนตัว
อยากเล่นดนตรี อยากเก่ง มีแค่คำว่า “อยากเก่ง”
ก่อนที่จะมาเป็นมือกลองในตำนาน พี่เล็กก็พยายามฝึกฝนด้วยความรู้สึกที่อยากจะเป็นคนที่เล่นดนตรีเก่ง ในตอนนั้นก็พยายามที่จะเล่นออกมาให้ได้ดีที่สุด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำด้วยวิธีไหนเพราะในยุคนั้นก็ไม่มีสื่อที่จะสอนเราได้ ไม่มีอินเตอร์เน็ต ทุกอย่างจะต้องฟังและเรียนรู้ด้วยตนเอง จำเป็นต้องใช้ความพยายาม ที่จะเป็นนักดนตรีให้ได้ในยุคนั้น พี่เล็กเล่าว่า ต้องใช้จินตนาการ ทั้งการปรับซาวด์กลองที่อยากได้แบบไหนก็ต้องลองมาปรับเอง ต้องหาวิธีเรียนรู้เอง
“คิดแค่ว่า อยากเล่นดนตรี อยากเก่ง ทำยังไงเราจะเก่งเหมือนแผ่นเสียงที่เราฟัง”
พี่เล็กเล่าว่า ถ้าเกิดตัวเองไม่ได้ประสบความสำเร็จในด้านดนตรี หรือไม่ได้มีโอกาสได้เล่นดนตรี ตัวเองก็อาจจะไปขายเสื้อผ้า เพราะก็มีความสนใจในด้านแฟชั่นอยู่แล้ว พี่เล็กยังเล่าต่อว่า บังเอิญชีวิตของตัวเองเหมือนถูกสาปไว้ให้ถูกซ้อมกลองตลอดไป ทุกเช้าต้องลุกขึ้นมาซ้อมตีแพดวันละ 2 ชั่วโมงเป็นเวลาหลายปีตั้งแต่เริ่มตีกลองมา พี่เล็กเล่าต่อว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ต้องดูแลแม่ และห่างหายจากการซ้อมไปเกือบ 3 เดือน ก็รู้สึกว่าตัวเองนิ้วล็อก ไปหาหมอก็ไม่หาย ตอนนั้นก็เครียดมากเพราะรักษายังไงก็ไม่หาย จนอยู่มันวันหนึ่งตัดสินใจหยิบแพดขึ้นมาซ้อม กลายเป็นว่าอาการนิ้วล็อกที่เป็นอยู่ก็หาย
ถึงแม้ชีวิตจะเหมือนถูกต้องสาปให้ตีกลองไปตลอดชีวิต แต่ตัวเขาเองก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้ตีกลอง เหมือนกับกลองเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย เป็นอวัยวะที่ไม่สามารถขาดไปได้ เพราะตัวเขาเองก็รู้สึกว่า เวลาได้อยู่กับกลอง ก็ไม่มีอะไรที่เขาไม่สามารถทำไม่ได้
“ในเวลาที่ผมไปนั่งตีกลอง ผมเหมือนไปกอดเค้า แล้วเราก็พากันไปด้วยกัน”
หลังจากที่เข้ามาอยู่กับ T-Bone ในตอนนั้นคนก็ยังมองว่า T-Bone เป็นวงประหลาด แต่งตัว ทำผมประหลาด แต่ตัววงก็มีจุดยืนที่ชัดเจนและมั่นคงว่าเป็นวงที่มีภาพลักษณ์แบบนี้ รวมถึงสมาชิกในวงเองก็รักเพลงแนวนี้กันทุกคน และ T-Bone เองก็ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนแนวเพลงไปตามกระแสนิยมของสมัยนั้น พี่เล็กยังเล่าต่อว่า ก็ต้องใช้เวลานานเหมือนกันกว่าคนจะเข้าใจว่า เร็กเก้-สกาเป็นแบบนี้ ก็ใช้เวลาเกือบ 10 ปีกว่าคนจะเข้าใจ แต่เพราะทุกคนมั่นใจว่าแนวเพลงแบบนี้จะต้องได้รับความนิยมอย่างแน่นอน
“ทุกคนมีความคิดเดียวกัน มีความตั้งใจเหมือนกัน มั่นใจว่าเร็กเก้-สกาต้องมาแน่นอน เราก็เลยไม่แคร์ว่าคนจะชอบหรือไม่ชอบ”
พี่เล็กเล่าต่อว่า ในตอนที่วงไปเล่นตามคลับ จะเล่นเพลงวงตัวเองน้อยมาก ในตอนนั้นจะเล่นเพลงเร็กเก้ แอฟฟริกัน Traditional ค่อนข้างเยอะ แต่ก็จะมีแฟนเพลงกลุ่มเล็กๆ ที่ตามไปทุกงาน เลยทำให้ทุกคนมั่นใจว่าในอนาคตเพลงแนวเร็กเก้-สกา จะต้องได้รับความนิยมอย่างแน่นอน
“มันคุ้มค่า มันรู้สึกว่า มันมีเกียรติ ซึ่งเรารู้สึกว่าบางทีเราอาจจะโดนมองว่า ดนตรีอะไรวะ”
“การเล่นของ T-Bone เพลงเดียวกัน เล่นร้อยครั้ง ไม่เคยเหมือนกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
สิ่งที่ทำให้ T-Bone อยู่ด้วยกันได้นาน คือ ทุกคนใน T-Bone เป็นนักดนตรีแจ๊สมาก่อนทั้งหมด จะเรียกว่า T-Bone เป็นวงเร็กเก้-สกา-แจ๊ส วงเดียวของประเทศไทยก็ได้ มันคือสิ่งที่พวกเขาเห็นตรงกันว่ามันไม่น่าเบื่อ พี่เล็กเล่าว่า ความเป็นแจ๊ส พอเข้าไปอยู่กับดนตรีอะไรก็ตามมันจะเกิดการ Improvise มันจะมีความแปลกใหม่ และมีเสนห์ ถึงแม้ตัวเองจะเล่นตำแหน่งมือกลอง ทำหน้าที่สนับสนุนวงอยู่ข้างหลัง พี่เล็กเล่าว่า จะต้องฟังว่าเพื่อนร่วมวงเล่นอะไร บางทีได้ยินโน้ตที่มีคนเล่นออกไปแล้วรู้สึกฮึกเหิม ความรู้สึกสนุกและสะใจเวลาได้เล่นดนตรี มันคือความมีเสน่ห์ของการเล่นดนตรีที่พอเราขึ้นไปจนถึงขีดสุด พอหมด Solo Improvise ทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือนกับเวลาที่เราเล่นรถไฟเหาะ
“คติประจำใจคือ ทำยังไงก็ให้คนดูรู้สึกเอ็นจอย รีแล็กซ์ ไม่เครียด ไม่รู้สึกว่าดนตรีแจ๊สเป็นอะไรที่เครียด แล้วก็ยาก”
พี่เล็กยังเล่าต่อว่า ในการโซโล่แต่ละครั้ง จำไม่ได้และไม่รู้ด้วยว่าทำอะไร สิ่งที่มันเกิดขึ้นมันเกิดขึ้น ณ ตอนนั้น มันคือความรู้สึกสนุกในการเล่นดนตรี พอถึงตอนนั้นก็รู้สึกว่าต้องเล่นให้สุด ต้องทำให้ถึงที่สุดในหน้าที่ที่ทำ และให้ทุกคนสนุกให้ได้ พอเห็นคนดูชอบและชื่นชม ก็รู้สึกภูมิใจที่สามารถทำให้รอบข้างและผู้ชมสามารถรู้สึกสนุกไปกับการแสดงของพวกเขาได้
“สิ่งที่เราทำมันคือสิ่งที่เราปราถนามาตั้งแต่ต้นว่า เราอยากเล่นดนตรีแล้วทำให้ทุกคนมีความสุข”
ในวันที่16 พฤศจิกายน พ.ศ 2567 ร้าน HOBBYLOG ณ บริเวณ โซนแคมป์ปิ้งสนามหญ้า จังหวัดสระบุรี จะมีกิจกรรมคอนเสิร์ตเพื่อการกุศล LEX-PARNPHUM & SEA THE GUN’S BRO. CHARITY CONCERT ในธีมคันทรี่ จับฉ่าย (COUNTRY JUBCHAI) โดยมีศิลปินที่เข้าร่วมในงานมากมาย ได้แก่ อริญชย์ ปานพุ่ม & Sea The Gun's Bro / ธีร์ ไชยเดช / จิรศักดิ์ ปานพุ่ม / คณุ ธรรม ปานพุ่ม (แจสเปอร์) / POM AUTOBAHN / Blues 33 Acoustic / Siam Bluegrass / บรรยากาศในงานจะมีความเป็นกันเอง และเน้นการเชื่อมโยงระหว่างผู้ชมกับศิลปิน เพื่อให้ทุกคนได้รับความสนุกสนาน และมีส่วนร่วมในการทำบุญครั้งนี้ ตอนนี้จำหน่ายบัตร Early Bird โปรบัตรราคา 799 บาท จากราคาเต็ม 1200 บาทพร้อมริสแบนด์ 1 เส้น สามารถซื้อบัตรได้ที่ https://www.eventpop.me/s/country-jubchai
รับชมเพิ่มเติม