svasdssvasds

“Quiet Luxury” เทรนด์ใหม่สินค้าแบรนด์เนม

“Quiet Luxury” เทรนด์ใหม่สินค้าแบรนด์เนม

สายแบรนด์เนมเอาไงดี ใครชอบแบบใช้ของแบบตะโกน จะเปลี่ยนใจตามเทรนด์มาเป็น “Quiet Luxury” เรียบหรูดูแพงแม้ไม่เห็น Logo กันหน่อยไหม

หลังจาโควิดที่ผ่านมาสถานการณ์บางอย่างก็เปลี่ยนไป รวมถึงเรื่องของแฟชั่นด้วยค่ะ ที่จริงแล้วมันเกี่ยวเนื่องกันหมด ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และแฟชั่น เพราะในช่วงที่การเงินมันฟืดเคือง สถาณการณ์การเงินภาพรวมไม่ค่อยดี ทำให้เหล่าคนร่ำรวยไม่อยากจะอวดความมั่งคั่งของตัวเอง จึงหันมานิยมใช้สินค้าแบบเรียบๆ ไม่ตะโกน แต่อยากจะบอกว่าของเหล่านั้นแหละ ยิ่งแพงกว่า Logo ตัวใหญ่ๆอีกนะ หรือที่ฝั่งตะวันตกเรียกกันว่า Quiet Luxury 

Quiet Luxury คืออะไร
Quiet Luxury ถ้าแปรตรงตัว ก็คือ เป็นความหรูหราแบบเงียบๆ ขยายความก็คือ เป็นสินค้าที่เนี้ยบ วัสดุดี 
มีสไตล์ แต่ไม่มี Logo แบบตะโกน หรือบางทีก็ไม่มีเลย และสินค้าเหล่านี้จะกลายเป็นสินค้าคลาสิค เหนือกาลเวลา และที่สำคัญไม่เป็นที่จับตามองหรือจุดสนใจ

ซึ่งจริงๆแล้วก็มีเหล่าเซเลป หรือคนดังระดับโลกเขาใช้ของแบบนี้มาตลอด บางทีเราเห็นว่าเขาใส่เสื้อยืด ใช้กระเป๋าไม่มี LOGO ใช่ว่านั่นจะเป็นของถูกนะจ๊ะ 

การเริ่มต้นที่คนพูดถึงมากน่าจะเป็น Gwyneth Paltrow ดาราคนดังที่ขึ้นศาลเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางสกี ในการจะใส่ชุดแบบ ‘มินิมอล’ ที่ไม่มีโลโก้ติดอยู่เลย แต่ดูก็รู้ว่าเป็นชุดที่มีราคา เช่น เสื้อเชิ้ตผ้าแคชเมียร์และรองเท้าบูทของ Prada, กางเกงจาก Proenza Schouler 

หรืออย่าง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ที่หลายคนบอกว่า รวยระดับโลกขนาดนี้ ยังใส่แค่เสื้อยืด แต่อยากจะบอกว่าเสื้อนั้นไม่ธรรมดาจ้าเพราะเป็นแบรนด์ brunello cucinelli ของนักออกแบบชื่อดังชาวอิตาลี สนนราคาตีเป็นเงินไทยก็ราว 10,000-13,000 บาท

สำหรับแบรนด์ที่ดูจะเข้ากับกระแส Quiet Luxury ซึ่งก็ต้องยกให้กับแบรนด์ The Row, Zegna, Jill Sander, Loro Piana, Hermès, Armani รวมถึง “Max Mara” แบรนด์เสื้อผ้าจากอิตาลีขณะที่ แคเธอริน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ยังเป็นแฟนตัวยงของแบรนด์

ถามว่าจุดประสงค์หลักที่หลายคนยอมซื้อของแพง หรือของแบรนด์เนมเพื่ออะไร แน่นอน คุณภาพต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง และสำหรับคนมีฐานะที่เขาไม่อยากตะโกน อยากทำตัวกลมกลืนไม่เป็นจุดสนใจ Quiet Luxury ก็ตอบโจทย์เขาสุดๆ และแน่นอนว่าถ้าเป็นคนที่เขาใช้แบรนด์ระดับสูงเหล่านั้นอยู่แล้ว มันก็จะมองกันออก ดังคพูดที่ว่า “If  you know you know” ซึ่งตนพวกนี้ก็ไม่ได้สนใจว่าจะต้องป่าวประกาศให้คนอื่นๆรู้ด้วย

 คำถามคือแล้วเจ้าตลาดแบรนด์เนมอย่าง LVMH จะปรับไหม เพราะสินค้าของเค้าลานโมโนแกรมคือแน่นสุดๆ อย่าง Louis Vuitton, Dior และ Fendi CFO ของแบรนด์ก็ตอบว่า LVMH ก็ยังเชื่อว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังต้องการสินค้าที่มีโลโก้ และแบรนด์ได้เตรียมเพิ่มสินค้าให้เป็นทางเลือกใหม่เพิ่มขึ้นเรียบร้อยแล้ว