ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pattaraporn Suriyamanee โพสต์เล่าอุทาหรณ์ หลังเธอป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะที่ 3 จากการกินข้าวไม่ตรงเวลา ทานน้อย จนต้องตัดกระเพาะอาหารทิ้ง โดยระบุว่า วันนี้ได้ออกโรงพยาบาลแล้ว หลังจากนอนยาวๆ 17 วัน หลายคนคงสงสัยว่าเป็นอะไร เราก็เลยคิดว่าเมื่อไหร่ออกจากโรงพยาบาลแล้วจะเขียนเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้ทุกคนดูแลสุขภาพ ใส่ใจตัวเอง หมั่นดูแลและสังเกตตัวเอง สำหรับตัวเราเป็นคนทานนน้อย ทานไม่ค่อยตรงเวลา กินตามใจปาก ทานผักมากกว่าเนื้อ หรือหมูนะ (เพราะขี้เกียจเคี้ยว) เวลาเครียดจะปวดท้อง
เราป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร ระยะที่3 ไม่มีอาการของโรคมะเร็งเลย ไม่มีอาการปวดท้องทรมาน (แค่ปวดท้องกรดไหลย้อน) น้ำหนักก็ปกติไม่ได้ลด ถ่ายปกติ ทานได้ปกติ ท้องไม่อืด ใช้ชีวิตปกติไม่มีอ่อนแรง จนวันนึงคิดยังไงไม่รู้ หรือมีอะไรดลใจ ให้ลุกขึ้นจากเตียง และไปโรงพยาบาลขอคุณหมอส่องกล้องกระเพาะอาหาร แล้วสิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจร้าาา วันนัดฟังผลคุณหมอพูดกับเราแค่ว่า...
คุณหมอ: ต้องมีสตินะครับ
มะนาว : ค่ะ
คุณหมอ : สติต้องมีนะครับ
มะนาว : ค่ะ
คุณหมอ: มีแฟนรึยัง
มะนาว: ยังค่ะ
คุณหมอ: มีเพื่อนหรือญาติมาด้วยมั้ยย
มะนาว : ไม่มีค่ะ
คุณหมอ: ต้องมีสตินะครับ
มะนาว: ค่ะ ทำไมเหรอคะ เป็นมะเร็งเหรอคะ
คุณหมอ พยักหน้าไม่พูดอะไรต่อ และแปลกใจว่าเราเป็นมะเร็งทั้งๆ ที่อายุน้อย (แอบคิดในใจอายุเราก็ไม่น้อยนะ 5555)
ตอนนี้เราได้ผ่าตัดกระเพาะอาหารออกหมดแล้ว (ไม่มีกระพาะอาหาร) เริ่มหัดทานข้าวต้ม โจ๊กแบบอ่อนๆ เพื่อให้ลำไส้ปรับตัว เพราะไม่สามารถทานอาหารแบบคนทั่วไปได้ คงต้องรออีกซักพักใหญ่ ๆ ขั้นต่อไปคือให้คือคีโม ซึ่งก็ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง (แต่จะสู้ สู้) อยากให้เรื่องเราเป็นอุทาหรณ์ อยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพ ทานอาหารให้เป็นเวลา และหากปวดท้องกระเพาะ หรือกรดไหลย้อน ควรพบแพทย์ ไม่ควรคิดว่าทานยาเดี๋ยวก็หาย
ปล. ขอบคุณครอบครัวที่คอยอยู่เคียงข้าง ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งให้ ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่มาเยี่ยมที่โรงพยาบาล ขอบคุณทีมคุณหมอที่ทำการผ่าตัด ขอบคุณมาก ๆ นะคะ